สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (4 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มวิตกกังวลว่าวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลกและปัญหาหนี้ยุโรปอาจทำให้ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทต่างๆ รวมถึงทองคำ ลดน้อยลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบหลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงมุมมองที่เป็นลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 41.7 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 1,616 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,613.00-1,658.40 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 95.6 เซนต์ ปิดที่ 29.839 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 4.7 เซนต์ ปิดที่ 3.1035 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ย.ดิ่งลง 48.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,468.60 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 29.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 564.15 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำร่วงลงอย่างหนักหลังจากเบอร์นันเก้แถลงต่อคณะกรรมาธิการร่วมด้านเศรษฐกิจของสภาคองเกรสเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า "การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐกำลังใกล้ถึงจุดสะดุด" และยังกล่าวด้วยว่านโยบายการเงินไม่ใช่ "ยาวิเศษ" ที่จะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐได้ทั้งหมด
นอกจากนี้ เบอร์นันเก้ระบุว่า สถานการณ์ว่างงานในสหรัฐถือเป็นเรื่องที่น่ากังวลมากกว่าเงินเฟ้อ หลังจากมีรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก และภาคเอกชนมีแนวโน้มที่จะลดการจ้างงานในระยะใกล้
เทรดเดอร์มองว่า แถลงการณ์ของเบอร์นันเก้ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะยังไม่ใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม (QE3) ในระยะนี้ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นและจะเป็นปัจจัยลบต่อตลาดทองคำ นอกจากนี้ การที่เบอร์นันเก้ไม่ได้แสดงความกังวลเรื่องปัญหาเงินเฟ้อ ก็ยิ่งทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำลงอีก เพราะโดยปกติแล้วนักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าทองคำเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยเมื่อเศรษฐกิจเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อ
นักวิเคราะห์จากเครดิตสวิสมองว่า ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มเข้าสู่ระยะพักฐานแล้ว หลังจากที่สัญญาทองคำและสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา