สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (4 ต.ค.) หลังจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์สรายงานว่า รมว.คลังกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) กำลังหารือกันเกี่ยวกับการเพิ่มทุนให้กับสถาบันการเงินที่ประสบปัญหาในยูโรโซน เพื่อปกป้องภาคธนาคารจากการถูกกระทบของวิกฤตหนี้ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจยังคงเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์เพื่อความปลอดภัย
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 1.30% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3340 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3169 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ดีดตัวขึ้น 0.34% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5476 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5423 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.33% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.800 เยน จากระดับ 76.550 เยน แต่ร่วงลง 0.53% เมื่อเทียบกับเงินฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9160 ฟรังค์ จากระดับ 0.9209 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.50% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9565 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9517 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 1.08% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7595 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7514 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นหลังจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์รายงานว่ารมว.คลังกลุ่มอียูกำลังหารือกันเรื่องการเพิ่มทุนให้กับธนาคารในยูโรโซน โดยที่ประชุมมีความเห็นพ้องต้องกันว่า จำเป็นจะต้องใช้มาตรการป้องกันไม่ให้สถาบันการเงินในยูโรโซนได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้สาธารณะ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าการแข็งค่าของสกุลเงินยูโรจะเกิดขึ้นแค่ในระยะสั้นๆเท่านั้น เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงขาดความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของเศรษฐกิจยูโรโซนและสกุลเงินยูโร
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า โกลด์แมน แซค ปรับลดคาดการณ์จีดีพีของยูโรโซนลงมาอยู่ที่ระดับ 0.1% ในปี 2555 จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.3% และคาดว่าจีดีพีในปีนี้จะขยายตัวเพียง 1.6% นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์ ยังได้ปรับลดคาดการณ์มูลค่าสกุลเงินยูโร ณ สิ้นปี 2554 ลงสู่ระดับ 1.38 ยูโรต่อดอลลาร์ จากระดับ 1.40 ยูโรต่อดอลลาร์
"ยูโรโซนยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน โดยเฉพาะในเรื่องของความน่าเชื่อถือในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและวิกฤตหนี้สาธารณะ" โกลด์แมน แซคส์กล่าว
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจยังคงเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์เพื่อความปลอดภัย โดยในช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาประเทศไทย เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงต่อคณะกรรมาธิการร่วมด้านเศรษฐกิจของสภาคองเกรสว่า "การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐกำลังใกล้ถึงจุดสะดุด" และยังกล่าวด้วยว่านโยบายการเงินไม่ใช่ "ยาวิเศษ" ที่จะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐได้ทั้งหมด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผย ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนล็อตใหม่ในโรงงานของสหรัฐหดตัวลง 0.2% ในเดือนส.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะทรงตัว หลังจากที่ยอดสั่งซื้อปรับตัวสูงขึ้น 2.1% ในเดือนก.ค.
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนในสหรัฐเดือนก.ย., ดัชนีภาคบริการเดือนก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ย.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นราว 50,000 - 73,000 ตำแหน่ง หลังจากที่ตัวเลขจ้างงานไม่มีการขยายตัวในเดือนส.ค. อย่างไรก็ตาม คาดว่าตัวเลขจ้างงานที่เพิ่มขึ้นจะไม่สามารถฉุดอัตราว่างงานให้ลดลงได้ โดยคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ย.จะยังคงทรงตัวอยู่ที่ระดับ 9.1%