ผู้บริหาร บมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP) ออกมาเรียกร้องให้ภาครัฐปรับเปลี่ยนนโยบายเรื่องส่วนผสมไบโอดีเซลที่สามารถผ่อนปรนให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำมันปาล์มในสต๊อก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาราคาน้ำมันปาล์มตกต่ำ
"ตอนนี้มี B100 ในสต๊อกค่อนข้างเยอะ หากรัฐกังวลว่าราคาจะตกต่ำก็อาจสนับสนุนให้ผสมเพิ่มเป็น B5 บางจากฯ คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 วัน และเชื่อว่าผู้ค้าน้ำมันทุกรายน่าจะสามารถทำได้ทันทีเช่นกัน เพราะไม่ยากที่จะผสมเพิ่มไปอีก 1% และหากกังวลว่าปีหน้าปริมาณปาล์มจะไม่เพียงพอก็ค่อยกลับมาเป็น B 4 ตามเดิม เพราะในช่วงที่มีผลผลิตปาล์มออกมามากก็น่าจะส่งเสริมการใช้ในประเทศก่อนดีกว่าส่งออก" นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ BCP กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า การที่กระทรวงพลังงานไม่นำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาสนับสนุนการปลูกปาล์มน้ำมันที่จะนำมาใช้เป็นส่วนผสมไบโอดีเซลนั้น บริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าว เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงพลังงาน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เพื่อเพิ่มรายได้และแก้ปัญหาหนี้สินให้แก่เกษตรกร ป้องกันปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ บรรเทาปัญหาภาวะโลกร้อน และช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ โดยบริษัทฯ ลงทุนและบริหารจัดการแปลงปลูกปาล์มต้นแบบในศูนย์ศึกษาและพัฒนาสวนส้มร้างทุ่งรังสิตเพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน รวมทั้งพิจารณาลงทุนสร้างโรงสกัดน้ำมันปาล์มขนาดมาตรฐาน เมื่อมีการขยายพื้นที่ปลูกปาล์มในปริมาณที่มากเพียงพอ เพื่อรองรับผลผลิตปาล์มน้ำมันในพื้นที่ ตลอดจนเป็นผู้รับซื้อผลผลิตจากโรงสกัดน้ำมันปาล์มดังกล่าว เพื่อนำมาผลิตเป็นไบโอดีเซล ณ ศูนย์ผลิตไบโอดีเซล อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ปัจจุบันบริษัท ไบโอฟูเอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือบางจาก เดินเครื่องผลิตไบโอดีเซล B100 อยู่ที่ 2 แสนลิตรต่อวัน จากกำลังการผลิตเต็มกำลังอยู่ที่ 3 แสนลิตรต่อวัน เนื่องจากความต้องการใช้ B100 ในช่วงนี้ลดลง ขณะที่ปริมาณน้ำมันปาล์มดิบ(ซีพีโอ) ในสต๊อกค่อนข้างเยอะกว่าความต้องการ โดยปัจจุบันความต้องการอยู่ที่ 2 ล้านลิตรต่อวัน ดังนั้นหากรัฐบาลกังวลว่าราคาซีพีโอจะตกต่ำในช่วงนี้ อาจสนับสนุนให้ผสม B100 เพิ่มจาก B4 เป็น B5 เชื่อว่าจะช่วยให้ความต้องการ B100 เพิ่มขึ้นอีก 5 แสนลิตรต่อวัน ซึ่งบางจากก็พร้อมดำเนินการทันที โดยปัจจุบันราคาซีพีโออยู่ที่ 27-28 บาทต่อกิโลกรัม ลดลงจากต้นปีที่ 35 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาผลผลิตปาล์มอยู่ที่ 4 บาทต่อกิโลกรัม ลดลงจาก 5.50 บาทต่อกิโลกรัม และคาดว่าแนวโน้มปี 55 ราคาผลผลิตปาล์มจะอยู่ที่ 4-6 บาทต่อกิโลกรัม
ส่วนการปรับสูตรโครงสร้างราคาเอทานอลนั้น แม้ว่าปัจจุบันจะมีสูตรอ้างอิงของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) แต่การซื้อขายเอทานอลก็ไม่ได้อิงสูตรดังกล่าว เนื่องจากเป็นการตกลงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยในส่วนของบริษัทฯ มีการเจรจากำหนดราคารับซื้อเป็นรายไตรมาส ขณะที่ความต้องการใช้เอทานอลของบางจากยังอยู่ที่ประมาณ 2.5 แสนลิตรต่อวัน ลดลงเล็กน้อยจากช่วงต้นปี เนื่องจากยอดขายแก๊สโซฮอล์ 95 ลดลง