สมาคมประกันชีวิตไทย เผยเบี้ยประกันชีวิตรับ 8 เดือนแรก (มกราคม-สิงหาคม 2554) ทั้งสิ้น 209,487.2 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 13.1 แยกเป็นเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่จำนวน 63,530.6 ล้านบาท และเบี้ยประกันชีวิตรับปีต่อไป 145,956.6 ล้านบาท อัตราความคงอยู่ร้อยละ 87
นายสุทธิ รจิตรังสรรค์ นายกสมาคมฯ เปิดเผยว่า สถิติเบี้ยประกันชีวิตรับ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2554 ที่รวบรวมได้ในขณะนี้ ประกอบด้วย เบี้ยประกันชีวิตรับปีแรก 43,360.8 ล้านบาท เบี้ยประกันชีวิตรับจ่ายครั้งเดียว 20,169.8 ล้านบาท รวมเป็น เบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ 63,530.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนจำนวน 6,742.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 11.9 สำหรับเบี้ยประกันชีวิตรับปีต่อไป 145,956.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนจำนวน 17,491.0 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 13.6 มีอัตราความคงอยู่ร้อยละ 87 รวมทั้งภาคธุรกิจมีเบี้ยประกันชีวิตรับ ทั้งสิ้น 209,487.2 ล้านบาท อัตราการเติบโตร้อยละ 13.1
อัตราการเติบโตยังอยู่ในอัตราที่น่าพอใจ ซึ่งสมาคมยังคงประมาณการว่า เมื่อถึง ณ สิ้นปี 2554 เบี้ยประกันชีวิตโดยรวมจะเป็น 339,000 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 15 เหมือนเดิม
ด้วยปัจจัยบวกของธุรกิจประกันชีวิตในขณะนี้ที่ส่งผลต่ออัตราการเติบโต คือ การพัฒนาช่องทางการจำหน่ายให้หลากหลายโดยการเพิ่มนวัตกรรมใหม่ๆให้มีความทันสมัยมากขึ้น รวมทั้งเน้นการให้บริการหลังการขายเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เอาประกันภัย แต่เนื่องจากขณะนี้ได้เกิดเหตุอุทกภัยอย่างรุนแรงในหลายจังหวัดทั้งประเทศ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อธุรกิจประกันชีวิต ซึ่งทำให้อัตราการเติบโตที่ตั้งไว้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายได้ เนื่องจากในจำนวนของผู้ประสบภัยพิบัตินี้ มีผู้เอาประกันชีวิตรวมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมากที่ได้รับความเดือดร้อน จนไม่สามารถชำระเบี้ยประกันชีวิตได้ตามกำหนด
สมาคมจึงได้ขอความร่วมมือบริษัทประกันชีวิตสมาชิกเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยใน 2 เรื่อง ได้แก่ การขยายระยะเวลาผ่อนผันชำระเบี้ยประกันภัยจากเดิมไม่เกิน 31 วัน เป็นไม่เกิน 91 วันหลังจากวันที่ครบกำหนด ยกเว้นดอกเบี้ยและการตรวจสุขภาพให้แก่ผู้เอาประกันชีวิตที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ประสบภัยตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และยื่นเรื่องขอต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัยที่ขาดอายุมาแล้วไม่เกิน 6 เดือนให้สามารถกลับคืนสู่สถานะเดิมของกรมธรรม์ประกันภัยได้ โดยคาดว่าจะสามารถรักษาระดับอัตราการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตอยู่ในเกณฑ์ที่ดีได้