ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.5% ในการประชุมวันนี้ หลังจากที่เงินเฟ้อได้พุ่งสูงขึ้นในเดือนก.ย. ส่งผลให้อีซีบีต้องคิดหนักก่อนที่จะดำเนินมาตรการใดๆ เช่น ลดดอกเบี้ย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคที่กำลังชะลอตัวท่ามกลางวิกฤตหนี้ยุโรปที่ยังคงยืดเยื้อ โดยเงินเฟ้อที่สูงขึ้นส่งผลให้ธนาคารกลางยุโรปเผชิญความลำบากยิ่งขึ้นในการแก้ไขวิกฤตหนี้ในภูมิภาค
ในการแถลงข่าวเวลา 19.30 น. (ตามเวลาประเทศไทย) วันนี้ นายฌอง-คล็อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรปจะอธิบายสาเหตุของการตัดสินใจดังกล่าว และคาดว่า เขาจะส่งสัญญาณถึงทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของอีซีบี ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจยูโรโซนและนานาประเทศกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนต่างๆ
การตัดสินใจคงดอกเบี้ยในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางยุโรปได้ขึ้นดอกเบี้ยมาแล้วสองครั้งในเดือนเมษายนและกรกฎาคม ในอัตราเดียวกันที่ 0.25% เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ เมื่อปลายเดือนที่แล้ว สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท เปิดเผยว่า เงินเฟ้อในกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร 17 ประเทศ พุ่งขึ้นแตะ 3% ในเดือนก.ย. จากระดับ 2.5% ในเดือนส.ค. ซึ่งถือเป็นราคาผู้บริโภคที่ขยายตัวสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2551
เงินเฟ้อที่ขยายตัวเร็วขึ้นสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจที่บอบช้ำอยู่แล้วจากมาตรการรัดเข็มขัด และความเชื่อมั่นนักลงทุนที่หดตัวลง ขณะที่รัฐบาลประเทศต่างๆในภูมิภาคต้องรับมือกับวิกฤตการคลัง