สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 ต.ค.) ขานรับข่าวที่ว่าธนาคารกลางอังกฤษประกาศเพิ่มขนาดการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศซื้อสินทรัพย์ 4 หมื่นล้านยูโร พร้อมกับจัดหาสภาพคล่องให้กับธนาคารที่ประสบปัญหาด้านการเงิน ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำอย่างคึกคัก
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 11.6 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 1,653.2 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,633.20-1,657.00 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 1.653 ดอลลาร์ ปิดที่ 32.005 ดอลลาร์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 14.05 เซนต์ ปิดที่ 3.2465 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 25.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,508.10 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 28.45 ดอลลาร์ ปิดที่ 598.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ พร้อมประกาศขยายมาตรการ QE อีก 7.5 หมื่นล้านปอนด์
การประชุมวันนี้ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2552 ที่แบงก์ชาติอังกฤษประกาศขยายมาตรการ QE หลังจากที่ธนาคารได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไปแล้ว 2 แสนล้านปอนด์ ด้วยการซื้อสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาล เพื่อที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5% พร้อมประกาศว่าจะจัดหาสภาพคล่องเพิ่มเติมให้กับตลาดการเงินในยุโรป ผ่านโครงการซื้อพันธบัตรครั้งใหม่
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างความคิดเห็นของนักลงทุนในตลาดทองคำว่า โดยปกติแล้วตลาดทองคำจะได้ประโยชน์จากมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลาง เพราะการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้สกุลเงินมีมูลค่าลดลง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นแรงซื้อเข้ามาในตลาดทองคำ