สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 ต.ค.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศว่าจัดหาสภาพคล่องให้กับธนาคารในยุโรปที่ประสบปัญหาการระดมทุนในตลาดอินเตอร์แบงก์ พร้อมกับประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนผ่อนคลายจากความกังวลที่ว่าวิกฤตหนี้ยุโรปจะส่งผลกระทบต่อภาคธนาคาร
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.64% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3432 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3346 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.19% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5440 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5469 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.13% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 76.670 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 76.760 ดอลลาร์สหรัฐ และอ่อนตัวลง 0.25% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9208 ฟรังค์ จากระดับ 0.9231 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.87% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9741 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9657 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.52% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7715 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7675 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากอีซีบีประกาศว่าจัดหาสภาพคล่องเพิ่มเติมให้กับตลาดการเงินในยุโรป ผ่านโครงการซื้อพันธบัตรครั้งใหม่ ซึ่งมาตรการดังกล่าวครอบคลุมถึงการจัดหาสภาพคล่องเพิ่มเติมให้กับธนาคารที่ประสบปัญหาการระดมทุนในตลาดอินเตอร์แบงก์ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้
นอกจากนี้ อีซีบีจะใช้มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ และเข้าซื้อสินทรัพย์มูลค่า 4 หมื่นล้านยูโรเป็นเวลา 1 ปี โดยมีเป้าหมายที่จะลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซน
ขณะที่ค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลงหลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ พร้อมประกาศขยายมาตรการ QE อีก 7.5 หมื่นล้านปอนด์
การประชุมเมื่อวานนี้นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2552 ที่แบงก์ชาติอังกฤษประกาศขยายมาตรการ QE หลังจากที่ธนาคารได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไปแล้ว 2 แสนล้านปอนด์ ด้วยการซื้อสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาล เพื่อที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 ต.ค.เพิ่มขึ้น 6,000 ราย สู่ระดับ 401,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 395,000 ราย อย่างไรก็ตาม จำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 410,000 ราย
นักลงทุนจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนนี้ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นราว 50,000 - 73,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ย.จะยังคงทรงตัวอยู่ที่ระดับ 9.1%