นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ได้มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงานประกาศบังคับใช้น้ำมันดีเซล B5 แทนการใช้น้ำมันดีเซล B4 ตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค.- 31 ธ.ค.54 เพื่อเป็นการดูดซับส่วนเกินจากที่มีสต็อคน้ำมันปาล์มในประเทศมาก และเพื่อช่วยรักษาราคาปาล์มไม่ให้ตกต่ำ โดยคาดว่าจะช่วยดูดซับปริมาณน้ำมันปาล์มในประเทศเพิ่มอีก 5,000 ตัน/เดือน จากเดิมที่มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 43,000 ตัน/เดือน ขณะที่สต็อกน้ำมันปาล์มในประเทศ ณ สิ้นปีนี้ จะคงเหลือประมาณ 200,000 ตัน ซึ่งเป็นสต็อคที่เพียงพอไม่กระทบต่อการบริโภค
"เพื่อเป็นการดูดซับส่วนเกินจากที่มีสต็อกน้ำมันปาล์มในประเทศมาก และเพื่อช่วยรักษาราคาปาล์มมิให้ตกต่ำไปกว่านี้" นายพิชัย กล่าว
รมว.พลังงาน กล่าวว่า การประกาศบังคับใช้น้ำมันดีเซลดังกล่าวคาดว่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบให้แก่เกษตรกรปาล์มน้ำมันจากราคาตกต่ำได้ทันที และเป็นการส่งเสริมให้คนไทยได้ใช้พลังงานสะอาดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นพลังงานที่ได้จากผืนดินไทยเราเอง ซึ่งจะได้ประโยชน์ทั้งด้านการสร้างความมั่นคงพลังงาน และลดผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
สำหรับสถานการณ์ปริมาณและราคาผลปาล์มสดในปัจจุบัน ราคาผลปาล์มสดอยู่ที่ 4.50 บาท/กก. ลดลง 1 บาท/กก. เมื่อเทียบกับเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา และกระทรวงพลังงานได้รับแจ้งปริมาณผลปาล์มสดจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งระบุว่าจะมีผลปาล์มสดในระหว่างเดือน ต.ค.-ธ.ค.54 เฉลี่ย 750,000 ตัน/เดือน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 128,000 ตัน/เดือน โดยใช้เพื่อการบริโภค 75,000 ตัน และใช้ทำเป็นไบโอดีเซลสำหรับน้ำมันดีเซล B4 43,000 ตัน ทำให้เหลือส่วนต่างน้ำมันปาล์ม 10,000 ตัน/เดือน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงพลังงานพบว่าสต็อกน้ำมันปาล์มในประเทศ ณ วันที่ 31 ส.ค.54 มี 281,000 ตัน จากสต็อกปกติที่ควรจะมี 150,000 ตัน รวมทั้งจากข้อมูลล่าสุด(6 ต.ค.54) กำลังผลิตและสต็อกน้ำมันปาล์มของประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย ในปัจจุบันเพิ่มขึ้นจากปี 53 ที่ระดับ 6-10% และราคาน้ำมันปาล์มดิบของตลาดโลกส่งมอบเดือน ธ.ค.54 ลดลงเหลือ 2,800 ริงกิต/ตัน หรือ 28 บาท/กก. จากราคาเดิมอยู่ที่ระดับมากกว่า 30 บาท/กก.