สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รายงานชิ้นล่าสุดเผยการจัดเก็บภาษีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ที่เสนอโดยรัฐบาลออสเตรเลีย จะทำให้ต้นทุนทางเศรษฐกิจประเทศอยู่ที่ระดับถึง 0.98 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 39,086 ดอลลาร์สหรัฐต่อชาวออสเตรเลีย 1 คนตั้งแต่ปีหน้าไปจนถึงปี 2593
คณะกรรมการพิจารณาการจัดเก็บภาษีคาร์บอนเสนอรายงาน 391 หน้าต่อรัฐสภาวันนี้ โดยรายงานดังกล่าวพิจาณาถึงการจัดเก็บภาษีคาร์บอนควรจะมีขึ้นหรือไม่ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกยังไม่มีความแน่นอน และมีความร่วมมือระหว่างกันจากนานาชาติหรือไม่ในเรื่องการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน
คณะกรรมการพบว่า การจัดเก็บภาษีคาร์บอนภายใต้โมเดลของรัฐบาล ทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีต้นทุน 0.98 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 39,089 ดอลลาร์สหรัฐต่อชาวออสเตรเลีย 1 คน
รายงานฉบับดังกล่าวชี้ว่า “นี่ถือเป็นการประเมินการณ์ที่ต่ำเกินจริง เมื่อพิจารณาถึงโมเดลที่เสนอโดยกระทรวงการคลังซึ่งตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่าประเทศอื่นๆจะร่วมมือกับออสเตรเลียในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนด้วย"
“รัฐบาลไม่มีหลักฐานใดๆที่บ่งชี้ได้ว่า นโยบายดังกล่าวให้ผลประโยชน์ได้เท่าๆกับสิ่งที่สูญเสียไป"
“เอาเข้าจริงหากไม่มีความร่วมมือจากนานาชาติ การจัดเก็บภาษีคาร์บอนของออสเตรเลียก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์โลกร้อนดีขึ้น"
“ดังนั้น การจัดเก็บภาษีคาร์บอนจึงกลายเป็นความเจ็บปวดทางเศรษฐกิจโดยไม่ได้ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม"
รายงานฉบับดังกล่าวเรียกร้องไม่ให้สภาผ่านร่างกฏหมายจัดเก็บภาษีคาร์บอน โดยระบุว่า กฏหมายดังกล่าวจะเป็นการทำลายศักยภาพของภาคธุรกิจออสเตรเลียในการแข่งขันในตลาดโลก ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจในภูมิภาค และทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น
คณะกรรมการแนะนำว่า หากสภาอมุมัติผ่านกฏหมายจัดเก็บภาษีคาร์บอน จะต้องมีความคืบหน้าเรื่องแผนการนำระบบการซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซคาร์บอน (ETS) เมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกดีขึ้นและมีข้อตกลงระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันทางกฏหมายว่าด้วยเรื่องการแก้ปัญหาโลกร้อน
ข้อเรียกร้องข้อสุดท้ายต่อวุฒิสภาคือการรับพิจารณาโมเดลของกระทรวงคลัง ผลพิจารณาทบทวนโมเดลดังกล่าวโดยองค์กรอิสระ และการศึกษาเปรียบเทียบต้นทุนกับผลประโยชนที่จะได้รับของคณะกรรมาธิการศักยภาพผลผลิต
การจัดเก็บภาษีคาร์บอน 24.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันคาดว่า จะเริ่มขึ้นได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.ปีหน้าเป็นต้นไป โดยแต่ละปีภาษีดังกล่าวจะเพิ่มขึ้น 2.5% เป็นระยะเวลา 3 ปี ก่อนจะเปลี่ยนเป็นระบบการซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซคาร์บอนในปี 2558
ร่างกฏหมายฉบับดังกล่าวจะผ่านสภาผู้แทนราษฎรในวันพุธหน้า ก่อนที่จะเข้าสู่ที่ประชุมวุฒิสภาเพื่อการอภิปรายต่อไป