นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการจำหน่ายน้ำมันมาตรฐานยุโรประดับที่ 4(ยูโร 4) ของโรงกลั่นน้ำมันของ บมจ.ไทยออยล์(TOP) อย่างเป็นทางการว่า รัฐบาลยืนยันว่าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 เป็นต้นไป โรงกลั่นทุกแห่งในประเทศไทย จะต้องจำหน่ายน้ำมันยูโร 4 ในทุกผลิตภัณฑ์ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้โรงกลั่นน้ำมันเอสพีอาร์ซีจะมีการยื่นหนังสือขอผ่อนผันการจำหน่ายออกไปอีก 3 เดือนก็ตาม
กระทรวงพลังงานเห็นว่าการเดินหน้าบังคับใช้ตามระยะเวลาเดิมจะเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อมของประเทศ เพราะน้ำมันยูโร 4 ปรับลดกำมะถันลงได้ถึง 7 เท่า จากเดิม 350 ส่วนใน 1 ล้านส่วน ก็จะเหลือเพียง 50 ส่วนใน 1 ล้านส่วนเท่านั้น ซึ่งหากโรงกลั่นใดไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ก็จะมีบทลงโทษตามกฎหมาย
"ต้นทุนการจำหน่ายน้ำมันในประเทศจะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วยและมีผลต่อราคาต่อประชาชน โดยในต่างประเทศมีการคำนวณเบื้องต้นในอัตรา 50 สตางค์ถึง 1 บาทต่อลิตร" นายพิชัย กล่าว
ทั้งนี้ TOP นับเป็นโรงกลั่นแรกของไทยที่ผลิตน้ำมันยูโร 4 ได้ครบทุกผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่น้ำมันเบนซิน ดีเซล แก๊สโซฮอล์ โดยเริ่มผลิตตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2552 และเริ่มจำหน่ายทุกผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ 21 สิงหาคม 2554 แต่ต้นทุนการผลิตยูโร 4 มีต้นทุนสูง เนื่องจากต้องใช้แรงดันสูงเพื่อลดกำมะถัน โดย TOP ลงทุนปรับปรุงประมาณ 1,300 ล้านบาท และจะต้องลงทุนเพิ่มเพื่อลดกำมะถันในอัตรา 800-1,000 ล้านบาทต่อปี
ด้านนายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TOP กล่าวว่า บริษัทฯ มีกำลังผลิตน้ำมันยูโร 4 จำนวน 30 ล้านลิตรต่อวัน แบ่งเป็นดีเซล 21 ล้านลิตรต่อวัน เบนซิน 9 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งทางผู้ค้าได้มีการรับจำหน่ายต่อประชาชนและเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ นายพิชัย รมว.พลังงาน ยังได้ตรวจเยี่ยมศูนย์ดูแลชุมชนรอบโรงกลั่นไทยออยล์ เพื่อส่งเสริมสุขภาพให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน รวมทั้งใช้งบประมาณ 50 ล้านบาท ในการก่อสร้างอาคารฉุกเฉินขนาด 5 ชั้น มอบแก่โรงพยาบาลอ่าวอุดม เพื่อรองรับอุบัติเหตุฉุกเฉิน