นายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมินมูลค่าความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมในหลายจังหวัดทั่วประเทศขณะนี้ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)คาดว่าจะมีมูลค่าความเสียหายราว 6 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 0.6% ของอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ(จีดีพี) ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์)ประเมินว่าจะมีมูลค่าความเสียหายราว 8-9 หมื่นล้านบาท คิดเป็นผลกระทบต่อจีดีพีราว 0.8-0.9%
รมว.คลัง ยืนยันว่า รัฐบาลยังเดินหน้านโยบายด้านการคลังตามแผนเดิม เพียงแต่จะปรับปรุงขั้นตอนการอนุมัติงบประมาณความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ให้มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น ส่วนการปรับปรุงงบประมาณรายจำยประจำปี 55 จะมีการปรับปรุงงบประมาณเพื่อใช้สำหรับการซ่อมแซมสาธารณูปโภค รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆ ในอนาคตด้วย
ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการ สภาพัฒน์ กล่าวว่า จากการประเมินมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นที่ 8-9 หมื่นล้านบาทนั้น แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ความเสียหายที่มีต่อภาคการเกษตร ราว 4 หมื่นล้านบาท และความเสียหายที่มีต่อภาคอุตสาหกรรม ราว 4.8 หมื่นล้านบาท(เฉพาะนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร และสวนอุตสาหกรรมโรจนะ)
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ มอบหมายให้สภาพัฒน์ติดตามผลกระทบน้ำท่วมที่มีต่อจีดีพีในภาพรวม พร้อมนำเสนอข้อมูลเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้(11 ต.ค.)ด้วย