นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. เตรียมแผนรับมือกรณีฉุกเฉินหากสถานการณ์น้ำท่วมรุนแรง โดยล่าสุดได้หารือกับสถาบันการเงินเพื่อเพื่อเตรียมความพร้อมในระบบการเบิก ถอน โอนเงิน และชำระเงินดำเนินการต่อไปได้ เพื่อ สร้างความมั่นใจแก่ประชาชน
ส่วนมูลค่าความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจเบื้องต้นคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี)จะลดลง 0.6% โดยภาคเกษตรกรรมจะเสียหาย 16,000-20,000 ล้านบาท ส่วนที่นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนครคาดว่าเสียหาย 20,000-30,000 ล้านบาท ส่วนนิคมอุตสาหกรรมโรจนะยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
“ ตัวเลขนี้ถือว่าเป็นการประเมินเบื้องต้นเท่านั้น เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่จบ หากผ่านไป 1 เดือน คงต้องกลับมาดูตัวเลขอีกครั้ง ซึ่งในส่วนของ ธปท.ตอนนี้ก็ออกมาตรการให้สถาบันการเงินผ่อนปรนการชำระหนี้คืน สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งเตรียมแผนกรณีฉุกเฉินด้วยว่า หากสถานการณ์น้ำท่วมรุนแรงมากกว่าปัจจุบันจะบริหารจัดการ และดูแลลูกค้าอย่างไรให้ธุรกรรมต่างๆ ยังคงดำเนินการต่อไปได้"นายประสาร กล่าว
นางสาลินี วังตาล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ยังคงเปิดให้บริการทางการเงิน ทั้งฝาก ถอน โอนเงิน และระบบการชำระเงินตามปกติ ในขณะที่สาขาในพื้นที่น้ำท่วมสามารถปิดทำการได้ทันที โดยประชาชนสามารถใช้บริการสาขาใกล้เคียงได้ หรือบริเวณจุดต่างๆ ที่ธนาคารพาณิชย์ออกเปิดให้บริการชั่วคราว
สำหรับในวันที่ 10 ต.ค. 54 มีธนาคารพาณิชย์ 11 แห่ง และบริษัทเงินทุน 1 แห่ง ที่ปิดชั่วคราวเนื่องจากเหตุอุทกภัยในจ.อยุธยา, นครสวรรค์, ชัยนาท และสระบุรี คือ ธนาคารกรุงไทย (KTB) จำนวน 11 สาขา, ธนาคารทิสโก้ 1 สาขา, ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) 11 สาขา, ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย (CIMBT) จำนวน 3 สาขา, ธนาคารเกียรตินาคิน (KK) 1 สาขา, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 5 สาขา, ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) จำนวน 7 สาขา, ธนาคารกรุงเทพ (BBL) จำนวน 17 สาขา, ธนาคารยูโอบี จำนวน 2 สาขา, ธนาคารธนชาต จำนวน 9 สาขา, ธนาคารทหารไทย (TMB) จำนวน 5 สาขา และ บง.สินอุตสาหกรรม 1 สาขา