ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนมีท่าทีวิตกกังวลในขณะที่รอดูผลการลงมติของรัฐสภาสโลวาเกียต่อแผนการเพิ่มขนาดกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ซึ่งจะมีขึ้นหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการ นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูผลประกอบการรายไตรมาสของบริษัทเอกชนที่จะทยอยเปิดเผยในเดือนนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 16.88 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 11,416.30 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 0.65 จุด หรือ 0.05% แตะที่ 1,195.54 จุด ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 16.98 จุด หรือ 0.66% แตะที่ 2,583.03 จุด
-- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ห้าเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) แม้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกสำหรับปีนี้และปีหน้า เนื่องจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดยราคาเดินหน้าขึ้นต่อเนื่องในช่วงหลายวันที่ผ่านมา จากความหวังว่าผู้นำยุโรปจะประกาศแผนการใหม่ในการรับมือปัญหาหนี้สินในภูมิภาค หลังจากที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศสและนายกรัฐมนตรีเยอรมนีบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับแผนการช่วยเหลือกรีซและการใช้มาตรการเสริมสภาพคล่องให้กับภาคธนาคารของยุโรป นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังดีดตัวขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐที่เคลื่อนไหวในแดนบวกระหว่างวัน ก่อนที่บริษัทต่างๆจะเริ่มทยอยเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสสามซึ่งนักลงทุนคาดการณ์ว่าจะออกมาดี
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 85.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายเบาบาง ก่อนที่รัฐสภาสโลวาเกียจะลงมติแผนการเพิ่มขนาดของทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) โดยมีกระแสข่าวว่า สโลวาเกียอาจไม่อนุมัติแผนการดังกล่าวเนื่องพรรคร่วมรัฐบาลเสียงแตก ขณะเดียวกัน สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากที่ประธานธนาคารกลางยุโรปออกมาเตือนว่าวิกฤตหนี้ยุโรปกำลังขยายวงกว้างกลายเป็นความเสี่ยงในเชิงระบบ ซึ่งดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นได้กระตุ้นให้นักลงทุนขายทองคำ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 9.8 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 1,661 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากที่ราคาทองคำพุ่งขึ้นถึง 2.1% เมื่อวันจันทร์
-- สกุลเงินยูโรปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) ก่อนที่รัฐสภาสโลวาเกียจะลงมติแผนการเพิ่มขนาดกองทุนสร้างเสถียรภาพยุโรป (EFSF) ซึ่งมีเป้าหมายหลักคือควบคุมหนี้สาธารณะไม่ให้ลุกลาม โดยสโลวาเกียเป็นประเทศสุดท้ายที่ยังไม่ได้โหวตแผนการดังกล่าว หลังจากที่ประเทศยูโรโซนอีก 16 ประเทศได้ไฟเขียวแผนการเพิ่มขนาดกองทุนกู้วิกฤตยูโรโซนกันไปหมดแล้ว
ค่าเงินยูโรขยับขึ้น 0.182% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3666 ดอลลร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3642 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.38% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5601 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5660 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้น 0.01% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.670 เยน จากระดับ 76.660 เยน, ปรับตัวขึ้น 0.28% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9061 ฟรังค์ จากระดับ 0.9036 ฟรังค์ และปรับตัวขึ้น 0.12% เมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.0281 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.0269 ดอลลาร์แคนาดา
เงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น 0.09% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9994 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9985 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนลง 0.13% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7824 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7834 ดอลลาร์สหรัฐ
-- ดัชนี FTSE ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) หลังจากที่ปิดบวกแข็งแกร่งมาสี่วันติดต่อกัน โดยนักลงทุนรอดูผลการลงมติของรัฐสภาสโลวาเกียต่อแผนการเพิ่มขนาดกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) อย่างไรก็ดี ดัชนีได้ขยับขึ้นจากระดับต่ำสุดของวัน หลังจากที่กลุ่มผู้ตรวจสอบจากสหภาพยุโรป (อียู) ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และกองทุนระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เผยว่ากรีซ มีแนวโน้มที่จะได้รับเงินช่วยเหลืองวดใหม่ในเดือนพ.ย.
ดัชนี FTSE 100 ขยับลง 3.3 จุด หรือ 0.1% ปิดที่ 5,395.70 จุด