สกุลเงินยูโรปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) ก่อนที่รัฐสภาสโลวาเกียจะลงมติแผนการเพิ่มขนาดกองทุนสร้างเสถียรภาพยุโรป (EFSF) ซึ่งมีเป้าหมายหลักคือควบคุมหนี้สาธารณะไม่ให้ลุกลาม โดยสโลวาเกียเป็นประเทศเดียวที่ยังไม่ได้โหวตแผนการดังกล่าว หลังจากที่ประเทศยูโรโซนอีก 16 ประเทศได้ไฟเขียวแผนการเพิ่มขนาดกองทุนกู้วิกฤตยูโรโซนไปกันหมดแล้ว
ค่าเงินยูโรขยับขึ้น 0.182% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3666 ดอลลร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3642 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.38% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5601 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5660 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้น 0.01% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.670 เยน จากระดับ 76.660 เยน, ปรับตัวขึ้น 0.28% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9061 ฟรังค์ จากระดับ 0.9036 ฟรังค์ และปรับตัวขึ้น 0.12% เมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.0281 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.0269 ดอลลาร์แคนาดา
เงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น 0.09% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9994 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9985 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนลง 0.13% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7824 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7834 ดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ เงินยูโรปรับตัวขึ้นต่อจากวันจันทร์ที่พุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และนายนิโคลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับแนวทางการเสริมสภาพคล่องให้กับภาคธนาคารของยุโรป ควบคุมวิกฤตหนี้กรีซ และเร่งการขยายตัวในยูโรโซน
นอกจากนี้ เงินยูโรยังได้แรงหนุนจากกที่คณะผู้แทนของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) หรือ Troika ระบุในแถลงการณ์ร่วมว่า ทางกลุ่มได้บรรลุข้อตกลงกับกรีซเกี่ยวกับนโยบายปฏิรูปต่างๆที่จะผลักดันให้แผนการด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกรีซเดินหน้าไปตามแผน พร้อมเผยว่า กรีซน่าจะได้รับเงินกู้งวดใหม่ซึ่งเป็นงวดที่หก วงเงิน 8 พันล้านยูโร (1.088 หมื่นล้านดอลลาร์) ในช่วงต้นเดือนหน้า
ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงหลังจากที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษหดตัวเป็นเดือนที่สาม ด้านเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนค่า หลังจากที่มีการเปิดเผยยอดขาดดุลงบประมาณที่ขยายตัวมากเกินคาด
รัฐสภาสโลวาเกียมีกำหนดลงมติแผนการเพิ่มขนาดกองทุน EFSF ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวมีความสำคัญมากและเป็นที่จับตาของตลาด เนื่องจากสโลวาเกียเป็นประเทศสุดท้ายในบรรดา 17 ชาติสมาชิกยูโรโซนที่จำเป็นต้องโหวตรับรองแผนการที่จะนำไปสู่การเพิ่มขนาดกองทุน EFSF รวมถึงการให้อำนาจใหม่กับกองทุน EFSF ในการเข้าซื้อพันธบัตรของรัฐบาลในประเทศที่กำลังประสบปัญหาด้านการเงิน หรือปล่อยเงินกู้ให้กับรัฐบาล ก่อนที่ปัญหาของประเทศนั้นๆจะลุกลามจนกลายเป็นวิกฤตการณ์ในภูมิภาค