นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เผยผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิ ปีงบประมาณ 2554 (ตุลาคม 2553 — กันยายน 2554) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1,891,027 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 241,027 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.6 (สูงกว่าปีที่แล้วร้อยละ 10.9) มีสาเหตุจากการขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทำให้จัดเก็บภาษีจากฐานรายได้และฐานการบริโภคและการนำเข้าได้สูงกว่าเป้าหมาย โดยการจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมจัดเก็บภาษีสังกัดกระทรวงการคลัง การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ และการจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่นสูงกว่าประมาณการถึง 237,227 ล้านบาท 14,395 ล้านบาท และ 14,256 ล้านบาท ตามลำดับ โดยภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการใน 3 อันดับแรก ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิตรถยนต์
สำหรับเดือนกันยายน 2554 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิจำนวน 102,351 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 12,555 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.0 (สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 9.0) โดยภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ ที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ และภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 4,816 4,311 และ 3,154 ล้านบาท หรือร้อยละ 32.8 80.8 และ 6.8 ตามลำดับ ทั้งนี้ อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ได้เร่งกำลังการผลิตเพื่อส่งมอบรถยนต์ให้ลูกค้า ภายหลังจากที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งส่งผลให้จัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ได้สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 9,644 ล้านบาท
นอกจากนี้ รัฐวิสาหกิจนำส่งรายได้สูงกว่าประมาณการ 2,877 ล้านบาท เกิดจากการนำส่งเงินปันผลสำหรับผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2554 ของ บมจ. ปตท. ที่สูงกว่าประมาณการถึง 2,407 ล้านบาท
“การจัดเก็บรายได้รัฐบาลในปีงบประมาณ 2554 ที่สูงกว่าเป้าหมายถึงร้อยละ 14.6 ได้ส่งผลให้ฐานะการคลังของประเทศอยู่ในระดับที่มั่นคง สำหรับในปีงบประมาณ 2555 แม้จะมีปัจจัยเสี่ยงจากการเกิดอุทกภัยในประเทศ ปัญหาเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาและปัญหาหนี้สาธารณะของประเทศในกลุ่มยูโรโซน ซึ่งจะส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศก็ตาม กระทรวงการคลังยังมั่นใจว่าจะสามารถจัดเก็บรายได้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.98 ล้านล้านบาท"นายสมชัย กล่าว