สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) หลังจากพรรคการเมืองต่างๆของสโลวาเกียบรรลุข้อตกลงที่จะรับรองการเพิ่มอำนาจให้กับกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคาดหวังว่ารัฐสภาสโลวาเกียจะมีมติรับรองการเพิ่มอำนาจให้กับกองทุนดังกล่าว
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 1.06% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3787 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3643 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 1.04% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5748 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5586 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.80% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 77.260 เยน จากระดับ 76.650 เยน และดิ่งลง 1.46% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8952 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9085 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 2.02% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0156 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9955 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 2.10% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7959 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7795 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นหลังจากพรรคการเมืองต่างๆของสโลวาเกีย รวมถึงพรรคฝ่ายค้านได้บรรลุข้อตกลงที่จะรับรองการเพิ่มอำนาจให้กับกองทุน EFSF ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความหวังว่ารัฐสภาสโลวาเกียจะมีมติอนุมัติการเพิ่มทุนให้กับกองทุนดังกล่าวในการประชุมครั้งต่อไป หลังจากที่รัฐสภาสโลวาเกียปฏิเสธแผนการเพิ่มขนาดกองทุน EFSF ในการลงมติรอบแรกเมื่อวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา
พรรคฝ่ายค้านหลักของสโลวาเกียระบุว่า ทางพรรคเต็มใจที่จะเจรจาหารือเพื่อให้การสนับสนุนกองทุน EFSF ภายหลังจากการล่มสลายของรัฐบาล และประกาศว่า การอนุมัติแผนการดังกล่าวถือเป็นเรื่องสำคัญสุดสำหรับพรรคหลังจากนี้
นายอิวาน มิคลอส รัฐมนตรีคลังกล่าวว่า ค่อนข้างมีความเป็นไปได้ว่ารัฐสภาจะผ่านแผนการเพิ่มขนาดกองทุน EFSF ในการลงมติครั้งที่สอง ซึ่งขะมีขึ้นภายในสัปดาห์นี้ พร้อมกับแสดงความเห็นว่า ในสโลวาเกียนั้น ประเด็น EFSF มีเรื่องการเมืองเข้ามาปะปนมากเกินไป
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงหลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 20-21 ก.ย.ระบุว่า คณะกรรมการเฟดบางคนสนับสนุนให้มีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีความแข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพมากกว่ามาตรการ Operation Twist ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนในตลาดปริวรรตเงินตรากังวลว่า หากเฟดใช้มาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมก็จะส่งผลให้สภาพคล่องสกุลเงินดอลลาร์สูงขึ้น และจะทำให้มูลค่าของสกุลเงินดอลลาร์ปรับตัวลดลง
ส่วนค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นแม้สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า จำนวนผู้ไม่มีงานทำในช่วงสามเดือนจนถึงสิงหาคม เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.57 ล้านคน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2537 ส่งผลให้อัตราว่างงานปรับตัวขึ้นแตะ 8.1% ซึ่งเป็นสูงสุดในรอบ 15 ปี จากระดับ 7.9% ในช่วงสามเดือนจนถึงเดือนก.ค.
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนก.ย.,ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นเดือนต.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค.