ผู้ค้าทองคำ มองราคาทองมีโอกาสปรับขึ้นต่อแต่ต้องติดตามข่าวสารใกล้ชิด

นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี ประธารกรรมการ บริษัท ห้างขายทองจินฮั้วเฮง จำกัด และนายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวในงานเสวนา “ทองคำ...โอกาสลงทุนแห่งทศวรรษ" ว่าทองคำมีโอกาสทำ New High ครั้งใหม่จากครั้งล่าสุดที่ระดับ 1,922 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ก่อนที่จะขึ้นไปทำ New High ใหม่ได้นั้น จะมีการปรับฐานก่อนที่ระดับประมาณ 1,500 ดอลลาร์/ออนซ์ จึงแนะนำให้นักลงทุนเริ่มทยอยเข้าซื้อได้ในช่วงนี้ แต่ยังต้องติดตามข่าวสารให้ดี โดยเฉพาะจากปัจจัยในต่างประเทศ

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ รองประธานกรรมการ บริษัท วาย แอล จี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ราคาทองคำในตลาดโลกมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 2,200 ดอลลาร์/ออนซ์ จากระดับราคาปัจจุบันที่ประมาณ 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะถ้าพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานของทองคำแล้วยังไม่เปลี่ยนแปลง แม้ในช่วงที่ผ่านมาราคาจะผันผวนสูง เพราะนักลงทุนไม่มั่นใจต่อแนวทางในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯและยุโรป ที่อาจไม่ได้เป็นตามที่ตลาดและนักลงทุนคาดหวัง

อย่างไรก็ตามมองว่าทองคำยังถือเป็นสินทรัพย์ที่ใช้ป้องกันความเสี่ยงได้ดีตัวหนึ่งประกอบกับธนาคารกลางของประเทศต่างๆก็มีแนวโน้มที่จะซื้อทองคำเพื่อใช้เป็นทุนสำรองเงินตรามากขึ้น

“ทองคำยังถือเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงได้ มองว่าถ้ามี QE3 ราคาทองจะขึ้นแน่นอน ซึ่งที่ระดับราคาประมาณ 1,600 เหรียญฯในขณะนี้ถือว่าไม่สูงและยังน่าเข้าไปลงทุนได้ ควรเข้าทยอยสะสม เพราะเรามองว่าใน 6 เดือนข้างหน้าทองคำมีโฮกาสขึ้นไปที่ 2,200 เหรียญฯ"นางพวรรณ์ กล่าว

นายธนรัชต์ พสวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันการลงทุนในทองคำให้ผลตอบแทนแล้วประมาณ 15% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แม้ว่าในบางช่วงราคาทองคำจะมีความผันผวนสูงมาก ซึ่งเกิดจากความไม่มั่นใจเศรษฐกิจโลก แต่เชื่อว่าในระยะยาวราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปได้อีก จากความต้องการใช้ทองคำของประเทศขนาดใหญ่ของโลกโดยเฉพาะจีน ดังนั้นการที่ค่าเงินหยวนแข็งค่าในขณะนี้ จึงเป็นโอกาสให้จีนสามารถซื้อทองคำได้เพิ่มขึ้น

“ผมมองว่าสิ้นปีคงยังไม่ถึง 2,000 เหรียญฯ เพราะที่ผ่านมาราคาก็ขึ้นมาเยอะแล้ว ประกอบกับตอนนี้ก็ยังไม่เห็นแนวทางที่ชัดเจนในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆคนก็เลยยังไม่กล้าลงทุนเท่าไหร่ แต่มองว่าในระยะยาวก็มีโอกาสขึ้นต่อ ยิ่งถ้ามีความชัดเจนในการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ"นายธนรัชต์ กล่าว