ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินยูโรและเงินสกุลหลักอื่นๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ต.ค.) เนื่องจากมีการคาดหมายว่าบรรดาผู้นำยุโรปใกล้ประกาศแผนจัดการวิกฤตหนี้ยูโรโซน ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐมีทั้งบวกและลบปะปนกัน
เงินยูโรแข็งค่า 0.74% เมื่อเทียบดอลลาร์ ที่ระดับ 1.3876 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.3774 ดอลลาร์/ยูโรเมื่อวันพฤหัสบดี ส่วนเงินปอนด์ก็แข็งค่า 0.29% ที่ระดับ 1.5806 ดอลลาร์/ปอนด์ จาก 1.5760 ดอลลาร์/ปอนด์
เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า 0.57% เมื่อเทียบเงินฟรังค์สวิส ที่ระดับ 0.8926 ฟรังค์/ดอลลาร์ จาก 0.8977 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่แข็งค่า 0.48% เมื่อเทียบเยน ที่ระดับ 77.210 เยน/ดอลลาร์ จาก 76.840 เยน/ดอลลาร์
เงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่า 1.52% เมื่อเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0341 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 1.0186 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย ส่วนเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ก็แข็งค่า 1.35% เมื่อเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 0.8049 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จาก 0.7942 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
เมื่อช่วงต้นสัปดาห์นางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และนายนิโกลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้บรรลุข้อตกลงสนับสนุนการเพิ่มทุนให้กับธนาคารในยูโรโซน พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าจะเปิดเผยมาตรการแก้ไขวิกฤตหนี้ยูโรโซนก่อนที่การประชุมสุดยอดประเทศกลุ่มจี20 จะมีขึ้นในช่วงต้นเดือนหน้า
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ยอดค้าปลีกสหรัฐขยายตัว 1.1% ในเดือนกันยายน เหนือกว่าระดับ 0.3% ในเดือนสิงหาคม และสูงกว่าที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียง 0.7% นอกจากนั้นยังขยายตัวมากที่สุดในรอบ 7 เดือน
อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นของธอมสัน รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน กลับร่วงลงสู่ระดับ 57.5 จุดในเดือนตุลาคม จาก 59.4 จุดในเดือนกันยายน