นายฟาน เจียปิง นักเศรษฐศาสตร์ของรัฐบาลกล่าวว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนจะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 9.4% ในปีนี้ ก่อนจะชะลอตัวลงอีกที่ระดับ 8.7% ในปี 2555 และคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรฐานวัดอัตราเงินเฟ้อ จะแตะ 5.5% เมื่อสิ้นสุดปี 2554 ก่อนที่จะปรับลดลงเหลือ 4% ในปีหน้า
ขณะเดียวกันนายฟานคาดว่า ในปี 2555 อุตสาหกรรมส่งออกของจีนจะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้น้อยลง เนื่องจากข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้แสดงให้เห็นว่า ยอดเกินดุลการค้าของจีนลดลง โดยการส่งออก การลงทุน และการบริโภคเป็นปัจจัยหลัก 3 ประการที่ขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมศุลกากรจีนระบุว่า ยอดเกินดุลการค้าของจีนลดลงมาเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา โดยลงมาอยู่ที่ 1.45 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าเดือนส.ค.ซึ่งอยู่ที่ 1.78 หมื่นล้าน ทั้งยังน้อยกว่ายอดเกินดุล 3.15 หมื่นล้านในเดือนก.ค. เกินครึ่ง
นายฟานแนะว่า จีนจำเป็นจะต้องพึ่งพาการบริโภคภายในประเทศให้มากขึ้นหากต้องการให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นส่วนที่ยังมีไม่เพียงพอในขณะนี้
นายฟานยังกล่าวเตือนรัฐบาลว่า ไม่ควรดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่อีกรอบเหมือนกับที่เคยนำมาใช้ในปี 2551 เพื่อรับมือกับผลกระทบจากวิกฤตหนี้ที่กำลังเกิดขึ้นในยุโรปและสหรัฐ
“นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอาจทำให้อัตราเงินเฟ้อถีบตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่จีนจะตรึงราคาเอาไว้ไม่ให้พุ่งขึ้นได้" นายฟานกล่าวในที่ประชุมซึ่งจัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยชิงหัว
ในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อจีนลดลงเหลือ 6.1% หลังจากที่เดือนก.ค.พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ 6.5% แต่ยังคงเกินเป้าหมายของรัฐบาลซึ่งตั้งไว้ที่ 4% อยู่มาก
สำหรับเศรษฐกิจในครึ่งปีแรกของจีนขยายตัว 9.6% เมื่อเปรียบกับปีที่ผ่านมา ส่วนในไตรมาส 2 การเติบโตชะลอตัวลงเหลือ 9.5% เมื่อเปรียบเทียบกับ 9.7% ในไตรมาสแรก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนจะเปิดเผยรายงานข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาสที่ 3 ในวันพุ่งนี้