สมาคมแลกเปลี่ยนข้อมูลรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของจีนเปิดเผยว่า ยอดจำหน่ายรถยนต์ของจีนในเดือนก.ย.ดีดตัวขึ้น 22.7% เมื่อเทียบรายเดือน มาอยู่ที่เกือบ 1.28 ล้านคัน เนื่องจากนโยบายเงินอุดหนุนสำหรับรถยนต์ประหยัดพลังงาน ขณะที่ยอดการผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงรถมินิบัส เพิ่มขึ้น 13.4% เมื่อเทียบรายเดือนมาอยู่ที่ 1.26 ล้านคันในเดือนก.ย.
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญในภาคอุตสาหกรรมให้เหตุผลของการปรับตัวเพิ่มขึ้นดังกล่าวว่าเป็นเพราะนโยบายเงินอุดหนุนของรัฐบาลสำหรับรถยนต์ประหยัดพลังงาน
นโยบายดังกล่าวซึ่งเริ่มนำมาใช้เมื่อเดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว ให้เงินอุดหนุนรถยนต์ที่มีน้ำหนักอยู่ภายในขอบเขตที่รัฐกำหนดและมีการใช้พลังงานเชื้อเพลิงสูงสุดไม่เกิน 6.9 ลิตรต่อ 100 กม. โดยผู้ซื้อรถยนต์สามารถรับเงินอุดหนุน 3,000 หยวน (470.2 ดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับรถยนต์ที่อยู่ในเกณฑ์ดังกล่าว
นโยบายเงินอุดหนุนส่งผลให้ตลาดรถยนต์คึกคัก โดยบรรดาผู้ผลิตรถยนต์รายงานยอดขายที่โตขึ้นในเดือนก.ย. ทั้งนี้ ยอดจำหน่ายรถยนต์ของบริษัทฟอร์ด ไชน่า เพิ่มขึ้นมากกว่า 40% เมื่อเทียบรายเดือน แซงหน้ายอดจำหน่ายของบริษัทโฟลค์สวาเกน ไชน่า และเจเนอรัล มอเตอร์ ไชน่า
ขณะที่ยอดขายรถยนต์ของบริษัทบีวายดีเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 38,000 คันในเดือนก.ย. เมื่อเทียบกับยอดขายเฉลี่ยที่ราว 30,000 คันต่อเดือนในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ขณะที่ บริษัทเฌอรี่ ออโตโมบิลประกาศว่า ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกอยู่ที่ 61,390 คันในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 33% จากเดือนส.ค.
อย่างไรก็ตาม นายเรา ต้า เลขาธิการสมาคมคาดว่า ตลาดรถยนต์จะชะลอตัวลงในช่วงไตรมาสสี่ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนโยบาย