สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้ส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำ โดยดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากรมว.คลังเยอรมนีกล่าวว่า ผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) จะยังไม่มีมาตรการแก้ไขวิกฤตหนี้ยูโรโซนขั้นเด็ดขาดในการประชุมช่วงสุดสัปดาห์นี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดลบ 6.4 ดอลลาร์ หรือ 0.38% แตะที่ 1,676.6 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 35.2 เซนต์ ปิดที่ 31.821 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 3.05 เซนต์ ปิดที่ 3.3780 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 3.75 ดอลลาร์ ปิดที่ 616.80 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือน.ค.ร่วงลง 3.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,551.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ในตลาดทองคำนิวยอร์กว่า ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยนักลงทุนบางกลุ่มเลือกที่จะเทขายทำกำไรหลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น โดยดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ พุ่งขึ้น 0.7% มาอยู่ที่ระดับ 77.14 จุดเมื่อวานนี้ ซึ่งการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐจะทำให้สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากนายวูล์ฟกัง ชูเบิล รมว.คลังเยอรมนี กล่าวว่า ผู้นำอียูจะยังไม่มีมาตรการแก้ไขวิกฤตหนี้ยูโรโซนขั้นเด็ดขาด ในการประชุมสุดยอดผู้นำอียูซึ่งจะมีขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้
การแสดงความคิดเห็นของนายชูเบิลทำให้นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ที่เปราะบางในอียูอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในการประชุมสุดยอดผู้นำอียูซึ่งจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 23 ต.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เนื่องจากตลาดได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่านักลงทุนในภูมิภาคเอเชียมีความต้องการซื้อทองคำเพิ่มขึ้น