นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมบริเวณกว้างส่งผลกระทบให้หลายนิคมอุตสาหกรรมและโรงงานต่าง ๆ ต้องปิดการผลิตชั่วคราว ทำให้การใช้ไฟฟ้าลดลงประมาณ 1,000 เมกะวัตต์ และคาดว่าจากนี้จนถึงสิ้นปีความต้องการไฟฟ้าโดยรวมของประเทศปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่แล้วจะลดลงร้อยละ 1
ส่วนปีหน้าความต้องการจะเป็นเท่าใด ขึ้นอยู่กับการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ว่าโรงงานจะกลับมาเดินเครื่องได้มมากน้อยแค่ไหน และอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีจะเป็นเท่าใด โดยที่ผ่านมาช่วงที่จีดีพีติดลบความต้องการใช้ไฟฟ้าก็จะอยู่ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน
ในส่วนของเขื่อนที่ กฟผ.ดูแลทั้งหมด เช่น เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนลำตะคอง เขื่อนศรีนครินทร์ ทุกเขื่อนมีความมั่นคงแข็งแรง ประชาชนไม่ต้องวิตก โดยในขณะนี้แม้ว่าหลายเขื่อนจะมีระดับน้ำอัตราสูง เช่น เขื่อนอุบลรัตน์มีกว่าร้อยละ 120 เขื่อนภูมิพล สัดส่วนกว่า ร้อยละ 99 แต่จากการบริหารดูแลเขื่อนยังคงมั่นคงปลอดภัยไม่เหมือนคันดินที่มีการกั้นสกัดน้ำในพื้นที่ อื่น ๆ
ส่วนการบริหารน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีการปล่อยน้ำจากเขื่อนภูมิพลและสิริกิติ์ ซึ่งดูแลโดยคณกรรมการบริหารน้ำที่มีกรมชลประทานเป็นประธานนั้น 2 วันนี้ทั้ง 2 เขื่อนยังคงปล่อยน้ำในสัดส่วนเท่าเดิม คือ 70 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน แต่จากที่เกิดฝนรอบใหม่ตกเพิ่มทางเหนือเขื่อนภูมิพลและมีน้ำไหลเข้าเขื่อนเพิ่มขึ้น ทางเขื่อนภูมิพลจึงปล่อยน้ำเพิ่มขึ้นเมื่อวานนี้จาก 50 เป็น 60 ล้าน ลบ.เมตรต่อวัน แต่ลดการปล่อยน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ลงจาก 20 เป็น 10 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน การปล่อยน้ำจึงไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่น้ำที่มากบริเวรภาคกลางที่มีถึง 10,000 ลบ.ม. มาจากน้ำทุ่งต่าง ๆ ที่เกิดจากฝนตกเกินคาดการณ์ โดยมีการคาดว่าน้ำส่วนนี้จะมีการระบายหมดลงทะเลระยะเวลา 1 เดือน