กระทรวงพาณิชย์จีนเตือนว่า การค้าระหว่างประเทศของจีนอยู่ในภาวะที่ค่อนข้างจะซบเซา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทั่วโลกได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายเฉิน ตันหยาง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวในการแถลงข่าวว่า สถานการณ์การนำเข้าและส่งออกจะค่อนข้างซบเซาในไตรมาส 4 ของปีนี้ และปีหน้า หรืออย่างน้อยก็ในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า เนื่องจากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจทั้งภายในและต่างประเทศ โดยเฉพาะความไม่แน่นอนและภาวะไร้เสถียรภาพที่ส่งผลกระทบต่อการค้าต่างประเทศของจีนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การส่งออกของจีนขยายตัวช้าลงที่ระดับ 17.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในเดือนก.ย. จากระดับ 24.5% ในเดือนส.ค.
ส่วนการนำเข้าเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 20.9% จากปีที่แล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับระดับ 30.2% ในเดือนส.ค.
ขณะที่ยอดเกินดุลการค้าของจีนในเดือนก.ย.ร่วงลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยอ่อนตัวลง 12.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี
นายเฉินกล่าวว่า ยอดเกินดุลที่ลดลงนั้นชี้ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและการดำเนินการอย่างแข็งขันของรัฐบาลจีน เพื่อสนับสนุนการค้าให้อยู่ในภาวะที่สมดุล
โดยยอดเกินดุลการค้าคิดเป็นสัดส่วนเพียง 4% ของการค้าต่างประเทศทั้งหมดของจีน และคิดเป็นสัดส่วนราว 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของจีนในช่วง 3 ไตรมาสแรก ซึ่งตัวเลขทั้ง 2 รายการดังกล่าวร่วงลง
โฆษกกล่าวต่อไปว่า เป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผลที่มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับยอดเกินดุลการค้าของจีน และพยายามที่จะกดดันจีนด้วยข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยเขายืนยันว่า การค้าต่างประเทศของจีนยังคงมีเสถียรภาพและค่อนข้างจะขยายตัวรวดเร็วในช่วง 3 ไตรมาสแรก และอยู่ในสภาพที่ดีโดยรวม
อย่างไรก็ดี นายเฉินคาดการณ์ว่า การขยายตัวด้านการค้าจะอ่อนตัวลงในปีนี้ เนื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่น ต้นทุนที่สูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน และผลกระทบต่างๆ