สกุลเงินยูโรทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 ต.ค.) หลังจากเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป (อียู) ได้ออกมาปฏิเสธรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนที่ว่า ฝรั่งเศสและเยอรมนีได้บรรลุข้อตกลงการเพิ่มขนาดกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจว่าที่ประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ในช่วงสุดสัปดาห์นี้จะเห็นชอบให้มีการเพิ่มขนาดกองทุน EFSF หรือไม่
ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวที่ระดับ 1.3749 ดอลลาร์สหรัฐ ขยับขึ้นเล็กน้อย 0.09% เมื่อเทียบกับวันอังคารที่ระดับ 1.3737 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.41% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5769 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5705 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้น 0.01% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.820 เยน จากระดับ 76.810 เยน และดีดตัวขึ้น 0.38% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9027 ฟรังค์ จากระดับ 0.8993 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.34% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0223 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0258 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.44% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7914 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7949 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรได้รับแรงกดดันในการซื้อขายระหว่างวัน หลังจากนายนิโคลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศสส่งสัญญาณว่า การเจรจาเรื่องการเพิ่มขนาดกองทุน EFSF ยังไม่มีความคืบหน้า ขณะที่เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหภาพยุโรปยืนยันว่ายังไม่มีการบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการเพิ่มขนาดของกองทุนดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการปฏิเสธรายงานข่าวในหนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียนของอังกฤษที่ระบุว่า ฝรั่งเศสและเยอรมนีได้บรรลุข้อตกลงเพื่อเพิ่มวงเงินในกองทุน EFSF ขึ้น 5 เท่า สู่ระดับกว่า 2 ล้านล้านยูโร
นักลงทุนจับตาดูการประชุมสุดยอดผู้นำอียูซึ่งจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 23 ต.ค.นี้ที่กรุงบรัสเซลส์ โดยที่ประชุมจะหารือกันเกี่ยวกับสถานการณ์ของกรีซ และคาดว่าจะมีการตกลงกันเกี่ยวกับรูปแบบการเพิ่มประสิทธิภาพของกองทุน EFSF โดยอาจจะเกี่ยวกับการใช้ EFSF เพื่อค้ำประกันการขาดทุนครั้งแรกสำหรับการออกตราสารหนี้ครั้งใหม่ในยูโรโซน
ยูโรได้รับปัจจัยลบมากขึ้นเมื่อมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนลง 2 ขั้น สู่ระดับ A1 จากระดับ Aa2 เนื่องจากหนี้สาธารณะของสเปสอยู่ในระดับสูง ประกอบกับภาคเอกชนที่ยังเผชิญกับความยากลำบากในการระดมทุนในตลาดการเงิน และเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงอีก
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.3% ส่วนตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านในเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 15% สู่ระดับ 658,000 ยูนิตต่อปี
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนก.ย. และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.