รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า แผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้าสูงสุดเท่าที่ผ่านมาสำหรับช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ แต่ข้อมูลล่าสุดแสดงว่า การส่งออกยังคงฟื้นตัวขึ้นในเดือนก.ย. หลังการลดลงอย่างมากหลังภัยพิบัติดังกล่าว
ยอดขาดดุลการค้าช่วงเดือนเม.ย.-ก.ย.อยู่ที่ 1.6666 ล้านล้านเยน (2.18 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นยอดขาดดุลครั้งแรกในรอบ 2 ปีครึ่งและเป็นการขาดดุลสูงสุดในรอบครึ่งปีแรก นับตั้งแต่ที่รัฐบาลเริ่มเก็บข้อมูลเปรียบเทียบในปีงบประมาณ 2522
กระทรวงการคลังระบุในรายงานเบื้องต้นว่า การส่งออกลดลง 3.8% ในครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2554 สู่ 32.8104 ล้านล้านเยน จากการส่งมอบรถยนต์ รวมทั้งเซมิคอนดักเตอร์และชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิคอื่นๆที่ลดลงไปยังสหรัฐ, เอเชีย และยุโรป
การนำเข้าขยายตัว 12.1% สู่ 34.4771 ล้านล้านเยน อันเป็นผลจากการบริโภคทรัพยากรพลังงานมากขึ้น เพื่อเพิ่มการผลิตไฟฟ้าพลังความร้อน ในขณะที่สาธารณูปโภคมากมายประสบความยากลำบากในการรับประกันถึงความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หลังวิกฤตโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดอิชิ โดยการนำเข้าน้ำมันดิบ, ผลิตภัณฑ์น้ำมันปิโตรเลียม และก๊าซธรรมชาติเหลว ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก