หนังสือพิมพ์จาการ์ต้าโพสต์ ของอินโดนีเซีย รายงานคำพูดของนายนูเรียล รูบินี นักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียงว่า เศรษฐกิจอินโดนีเซียมีโอกาสที่จะยั่งยืนมากกว่า ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจในยูโรโซนและสหรัฐ เนื่องจากการผลิตของอินโดนีเซียไม่ได้พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก
"อินโดนีเซียมีความสมดุลทางเศรษฐกิจมากกว่า เนื่องจากภาคการผลิตไม่ได้พึ่งพาตลาดโลกเพียงอย่างเดียว แต่ยังพึ่งพาตลาดภายในประเทศด้วย" นายรูบินีกล่าวในการปาฐกถาในหัวข้อ Global Economic Challenge and Its Impact on Indonesia ที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของอินโดนีเซีย
"จีนประสบความสำเร็จมาแล้วในช่วงระยะหนึ่ง แต่ปัจจุบัน กลยุทธ์ของจีนกำลังกลายเป็นความท้าทาย" นายรูบินีกล่าว พร้อมกับเสริมว่า การส่งออกมีสัดส่วนสูงถึง 70% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีน
"ประเทศบางประเทศในภูมิภาคเอเชียเอเชียมีความยั่งยืนและมีความสมดุลของการเติบโตของเศรษฐกิจมากกว่า เนื่องจากประเทศเหล่านั้นพึ่งพาอุปสงค์ที่แข็งแกร่งภายในประเทศ" นายรูบินิระบุ โดยนายรูบินิได้รับฉายาจากสื่อว่า ดร.ดูม เนื่องจากมุมมองของเขาในการวิพากษ์วิจารณ์เศรษฐกิจ
นายรูบินีระบุว่า ถึงแม้ว่าการส่งออกจะมีความสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ อินโดนีเซียควรจะรักษาอุปสงค์ภายในประเทศให้แข็งแกร่ง โดยเริ่มจากการบริโภค
ดังนั้น ในขณะที่วิกฤติเศรษฐกิจโลกได้ส่งผลกระทบต่อประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้วเช่นยุโรปและสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ของผลิตภัณฑ์จากเอเชีย การบริโภคภายในประเทศควรจะรับประกันได้ถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจ
"ประเทศอย่างอินเดีย หรืออินโดนีเซีย และประเทศอื่นๆ ในเอเชียมีอัตราส่วนการบริโภคภายในประเทศระหว่าง 50-60% ของจีดีพี" นายรูบินีกล่าว พร้อมกับเสริมว่า ประเทศเหล่านี้มีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่น
นอกจากนี้ นายรูบินียังระบุว่า ประชากรของอินโดนีเซียที่มีมากถึง 240 ล้านคน มีส่วนอย่างมากต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจ สำนักข่าวซินหัวรายงาน