นายหวัง จองยิง รองหัวหน้าสถาบันวิจัยพลังงานประจำคณะกรรมาธิการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งเป็นคณะวางแผนเศรษฐกิจอันดับ 1 ของจีน เปิดเผยว่า จีนจะเริ่มระงับเงินสนับสนุนอุตสาหกรรมพลังงานลมตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป เนื่องจากคาดว่าต้นทุนการผลิตฟาร์มลมบนพื้นดินจะเท่ากับต้นทุนการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานความร้อนไม่เกินปี 2563 นี้
ในปัจจุบันนี้ ต้นทุนการผลิตฟาร์มลมบนพื้นดินในจีนอยู่ที่ 0.35-0.5 หยวนต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง และค่าไฟฟ้าที่กำเนิดจากพลังงานลมอยู่ที่ 0.51-0.61 หยวนต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง สูงกว่าต้นทุนการผลิตไฟฟ้าพลังงานความร้อนเสียอีก
อย่างไรก็ตาม ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าพลังงานความร้อนจะเพิ่มขึ้นมาเท่ากับการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม หากราคาถ่านหินในจีนยังคงถีบตัวสูงขึ้นไม่หยุดภายในปี 2563 เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว จีนอาจจะค่อยๆยุติการให้เงินสนับสนุนอุตสาหกรรมพลังงานลม
-- บริษัท กานซู จิงหยวน โคล อินดัสทรี แอนด์ อิเล็คทริซิตี เพาเวอร์ จำกัด เปิดเผยรายงานทางการเงินประจำไตรมาส 3 พบว่า บริษัททำกำไรสุทธิราว 58.152 ล้านหยวนในช่วง 3 ไตรมาสของปี 2554 สูงกว่าปีที่ผ่านมา 16.17%
นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า ตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ราว 708 ล้านหยวน สูงกว่าปีที่แล้ว 22.63%
ด้านบริษัทซานซีหลวน เอนไวรอนเมนต์ เอเนอร์จี ดีเวลอปเมนท์ จำกัด เปิดเผยรายงานทางการเงินประจำไตรมา 3 เช่นกัน โดยในช่วง 9 เดือนแรกมีกำไรเพิ่มขึ้น 11.62% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 2.873 พันล้านหยวน
บริษัททั้ง 2 แห่งต่างเห็นพ้องกันว่า ผลประกอบการที่ดีขึ้นในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาได้รับอานิสงส์จากราคาผลิตภัณฑ์จากถ่านหินที่สูงขึ้นและยอดขายที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับบริษัทถ่านหินอื่นๆ อาทิบริษัท อินเนอร์ มองโกเลีย หยวนซิง เอเนอร์จีน จำกัด ไชน่า โคล เอเนอร์จี โค และบริษัทปิงติงชน เทียหนาน โคล ไมนิง จำกัด ที่เพิ่งออกมาเปิดเผยรายงานทางการเงินไตรมาส 3 ก่อนหน้านั้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน