นายบุญยง ศรีไตรราศรี ประธานสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ชลบุรี ในฐานะตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อย เปิดเผยว่า สหกรณ์ฯไม่เห็นด้วยกับแนวคิดการนำเข้าไข่ไก่ของกระทรวงพาณิชย์ เพราะในขณะนี้สถานการณ์ไข่ไก่ไม่ได้ประสบภาวะขาดตลาด แม้ว่าวิกฤตการณ์น้ำท่วมครั้งนี้จะส่งผลต่อฟาร์มไก่ไข่ในพื้นที่อยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ทำให้ไข่ไก่หายไปจากระบบราว 1 ล้านฟองต่อวัน หรือ ประมาณ 2% จากปริมาณผลผลิตไข่ไก่ที่ออกสู่ตลาดตามปกติที่ 25-26 ล้านฟองต่อวัน ถือว่าเป็นปริมาณที่ใกล้เคียงกับอัตราบริโภคของคนไทย
“ปริมาณการผลิตไข่ไก่ที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน ยังคงเพียงพอต่อการบริโภคทั้งในประเทศและส่งออกตามปกติ แต่ที่ดูเหมือนว่าสินค้าขาดตลาดนั้น เป็นเพราะผู้คนเกิดความหวั่นวิตกในสถานการณ์น้ำท่วมจึงกว้านซื้อไข่ไก่ไปกักตุน รวมถึงห้างร้านต่างๆที่ซื้อไปบริจาค นอกจากนี้ยังประสบปัญหาด้านการขนส่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ประสบภัยที่ไม่สามารถขนย้ายผลผลิตออกมาได้ จึงอาจทำให้ดูติดขัดไปบ้าง" นายบุญยงกล่าว
ด้านนายอาทร ช่วยณรงค์ ประธานสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า การผลิตไข่ไก่ของไทยนั้นได้มาตรฐานและมีการบริหารจัดการฟาร์มที่ดีกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้น การนำเข้าไข่ไก่จากเพื่อนบ้านถือเป็นการซ้ำเติมเกษตรกรเนื่องจากจะเกิดความเสี่ยงต่อการติดโรคระบาดซึ่งจะก่อความเสียหายในวงกว้าง จึงอยากให้ภาครัฐช่วยศึกษาหาทางแก้ปัญหาในระยะยาวสำหรับการฟื้นฟูฟาร์มไก่ไข่ที่จมน้ำจะดีกว่า
ทั้งนี้ ระดับราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มในปัจจุบัน ยังคงยืนอยู่ที่ฟองละ 3 บาท ราคาจำหน่ายปลีกตามราคาแนะนำของกรมการค้าภายใน เบอร์ 0 ไม่เกินฟองละ 3.90 บาท เบอร์ 1 ไม่เกินฟองละ 3.70บาท เบอร์ 2 ไม่เกินฟองละ 3.60 บาท เบอร์ 3 ไม่เกินฟองละ 3.50 บาท เบอร์ 4 ไม่เกินฟองละ 3.40 บาท และเบอร์ 5 ไม่เกินฟองละ 3.30 บาท ยกเว้นราคาไข่ไก่ในภาคใต้ให้จำหน่ายสูงกว่าราคาข้างต้นไม่เกินฟองละ 0.10-0.20 บาทตามต้นทุนค่าขนส่ง