สกุลเงินยูโรทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 ต.ค.) แต่ยูโรพุ่งขึ้นแข็งแกร่งในระหว่างวัน ขานรับความคืบหน้าในการประชุมผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) รวมถึงข่าวที่ว่าผู้นำยุโรปตกลงกันว่าจะดันธนาคารพาณิชย์ให้เพิ่มทุนมากขึ้นภายในเดือนมิ.ย.ปีหน้า เพื่อป้องกันการขาดทุนจากการปรับโครงสร้างหนี้กรีซ
ค่าเงินยูโรขยับลงเล็กน้อย 0.01% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3902 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคาร 1.3904 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่สกุลเงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.20% สู่ระดับ 1.5966 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5998 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้น 0.17% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 76.200 เยน จากระดับ 76.070 เยน และพุ่งขึ้น 0.41% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8815 ฟรังค์ จากระดับ 0.8779 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.31% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0393 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0425 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.49% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8000 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7961 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรได้แรงหนุนจากรายงานความคืบหน้าออกมาเป็นระยะๆ รวมถึงข่าวที่ว่าผู้นำยุโรปตกลงกันว่าจะดันธนาคารพาณิชย์ให้เพิ่มทุนมากขึ้นภายในเดือนมิ.ย.ปีหน้า เพื่อป้องกันการขาดทุนจากการปรับโครงสร้างหนี้กรีซ และเพื่อพยายามที่จะควบคุมวิกฤติหนี้
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า รัฐสภาเยอรมนีมีมติด้วยคะแนนเสียง 503 ต่อ 89 ให้เพิ่มขนาดของกองทุน EFSF ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการปล่อยกู้ให้กับกองทุน และยังทำให้นักลงทุนเชือมั่นว่าที่ประชุมอียูจะสามารถตกลงกันในเรื่องดังกล่าวได้ ในระหว่างการประชุมครั้งนี้