เมื่อวานนี้สภาแห่งรัฐ หรือคณะรัฐมนตรีจีน ได้อนุมัติโครงการนำร่องในการนำระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) มาใช้แทนภาษีจากยอดขาย
แถลงการณ์ภายหลังการประชุมของคณะรัฐมนตรีซึ่งมีนายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีเป็นประธานที่ประชุม ระบุว่า รัฐบาลจีนจะนำภาษีมูลค่าเพิ่มมาใช้แทนภาษีจากยอดขายในบางภาคบริการ เช่น การขนส่ง ในเซี่ยงไฮ้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2555 เป็นต้นไป
หากโครงการนำร่องประสบความสำเร็จและภาวะต่างๆมีความเหมาะสม นโยบายดังกล่าวจะขยายไปยังธุรกิจบริการบางด้านทั่วประเทศ
-- นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน กล่าวว่า จีนจะยังคงส่วนสำคัญของนโยบายการคลังและการเงินของประเทศไว้เช่นเดิม หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
นายโจวระบุว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของจีน (จีดีพี) จะขยายตัวมากกว่า 9% ในปีนี้ ในขณะที่อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจีน ผนวกกับความพยายามของประเทศในการส่งเสริมการนำเข้าและการลงทุนในต่างประเทศ ได้มีส่วนช่วยในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
-- ฝ่ายเศรษฐกิจและการค้าในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน ระบุว่า ราคาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักในการผลักดันมูลค่าการนำเข้าและส่งออกของจีนในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้
จากจำนวนสินค้าส่งออกสำคัญทั้งหมด 23 รายการที่ติดตามโดยกรมศุลกากร 19 รายการมีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น และจากทั้ง 19 รายการดังกล่าว สินค้า 14 รายการหรือ 73.7% มีมูลค่าการส่งออกที่สูงขึ้นอันเนื่องมาจากราคาส่งออกปรับตัวสูงขึ้น
จากจำนวนสินค้านำเข้าทั้งหมด 42 รายการ ประมาณ 21 รายการมีราคาเพิ่มขึ้นแต่มีปริมาณลดลง
-- แถลงการณ์ของธนาคารกลางจีนบนเว็บไซต์ของธนาคารกลางระบุว่า ธนาคารกลางจีนและธนาคารกลางเกาหลีใต้ ได้เห็นชอบขยายระยะเวลาข้อตกลงสว็อปเงินหยวน-วอน ที่มีขึ้นในก่อนหน้านี้ ออกไปอีก 3 ปี
ทั้งนี้ ธนาคารกลางทั้ง 2 แห่งได้เห็นชอบให้ขยายวงเงินสว็อปสกุลเงินเพิ่มขึ้นเป็น 3.6 แสนล้านหยวน/64 ล้านล้านวอน จาก 1.8 แสนล้านหยวน/38 ล้านล้านวอน สำนักข่าวซินหัวรายงาน