พาณิชย์เผย 1 มิ.ย.55 ซาอุฯจะห้ามนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าต่ำกว่า 220 โวลด์

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 27, 2011 14:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.55 สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย จะห้ามการนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟต่ำกว่า 220 โวลต์ ข้อกำหนดดังกล่าวเป็นผลจากการที่รัฐบาลซาอุดีอาระเบียมีมติให้เปลี่ยนแปลงแรงดันของระบบไฟฟ้าไปเป็น 220/400 โวลต์ ซึ่งรัฐบาลจะให้ระยะเวลาในการปรับตัว 25 ปี(แบ่งเป็นช่วงเตรียมตัว 10 ปี และช่วงดำเนินการ 15 ปี) แต่จะมีผลบังคับใช้ทันที สำหรับผู้ที่ขอใช้ไฟรายใหม่

ปัจจุบัน ซาอุดิอาระเบียเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่ใช้ไฟฟ้า 2 ระบบ(Dual-Voltage System) กล่าวคือ ในที่พักอาศัยจะมีระบบไฟฟ้าทั้ง 127 และ 220 โวลต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปในบ้านใช้ไฟ 127 โวลต์ แต่สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ เช่น เครื่องปรับอากาศ ลิฟต์โดยสาร และเครื่องสูบน้ำ ใช้ไฟ 220 โวลต์ การปรับเปลี่ยนใช้กระแสไฟระบบเดียวจะส่งผลดีต่อผู้บริโภค และผู้ให้บริการระบบไฟฟ้า ผู้บริโภคสามารถลดความยุ่งยากในการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าลง ลดอุบัติเหตุ ความเสียหายจากการต่อเครื่องใช้ไฟฟ้ากับปลั๊กไฟฟ้าต่างแรงดัน เป็นต้น

สำหรับผู้ให้บริการระบบไฟฟ้าสามารถลดต้นทุนในส่วนของอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องลงได้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการเปลี่ยนแรงดันของกระแสไฟฟ้าฯ ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.55 ซาอุฯ จะห้ามการนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้กระแสไฟต่ำกว่า 220 โวลต์

อย่างไรก็ตาม เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟ 127 โวลต์ ยังสามารถจำหน่ายในประเทศได้อีก 5 ปี (ถึงปี พ.ศ.2560) ซึ่งหลังจากช่วงระยะเวลาดังกล่าว เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำหน่ายในซาอุฯ ทั้งหมดต้องใช้ไฟ 220 โวลต์

ด้านนายศิวะลักษณ์ นาคาบดี ผอ.สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเจดดาห์ ให้ความเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวของซาอุฯ ไม่น่าจะมีผลกระทบด้านลบต่อการส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าของไทยไปซาอุฯ แต่น่าจะช่วยลดต้นทุนในการส่งออกสินค้าดังกล่าวให้กับผู้ประกอบการไทย เนื่องจากไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลง/ปรับปรุงสินค้า ไลน์การผลิต ให้เหมาะกับกระแสไฟ 127 โวลต์ ที่จะส่งไปซาอุฯ อีกต่อไป

ในปี พ.ศ.2553 ไทยและซาอุฯ มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 7,764 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 2.06 ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของไทย จำแนกเป็นการนำเข้า 5,646 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และส่งออก 2,118 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าที่ไทยนำเข้าเกินกว่าร้อยละ 80 ได้แก่ น้ำมันดิบ เคมีภัณฑ์ และน้ำมันสำเร็จรูป สินค้าที่ไทยส่งออกไปซาอุฯ มากที่สุด ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน 1,099 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เหล็กและผลิตภัณฑ์ 98 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ข้าว 93 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน 88 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ ตู้เย็น/ตู้แช่และชิ้นส่วน 68 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ปี พ.ศ.2554 (ม.ค.-ส.ค.) ไทยและซาอุฯ มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 6,576 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.11 ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของไทย แยกเป็นการนำเข้า 5,006 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และส่งออก 1,570 ล้านเหรียญสหรัฐฯ การส่งออกขยายตัวถึงร้อยละ 8.21 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาสินค้าที่ซาอุฯ นำเข้าจากไทยมากที่สุด 5 อันดับแรกในปี พ.ศ.2554(มค.-สค.) ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน เคมีภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน เครื่องจักรและชิ้นส่วน และสินค้าข้าว ตามลำดับ

สำหรับสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ไทยส่งออกไปซาอุฯ ได้แก่ เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน คิดเป็นมูลค่า 101 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตู้เย็น/ตู้แช่และชิ้นส่วน 62 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เครื่องซักผ้าและชิ้นส่วน 41 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ และชิ้นส่วน 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เครื่องรับวิทยุ/โทรทัศน์และชิ้นส่วน 16 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ คอมเพรสเซอร์และชิ้นส่วน 9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ