สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงกว่า 2% ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.) หลังจากที่ประชุมสุดยอดผู้นำยุโรป (อียู) ลงมติให้เพิ่มขนาดของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) เพื่อเป้าหมายควบคุมวิกฤตหนี้สาธารณะ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปทุ่มซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากว่า รวมถึงสกุลเงินยูโร
สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้น 2.06% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4187 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3900 ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.81% แตะที่ 1.6099 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5969 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.30% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 75.950 เยน จากระดับ 76.180 เยน และดิ่งลง 2.31% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8601 ฟรังค์ จากระดับ 0.8808 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 3.03% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0713 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0398 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 2.54% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8210 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8007 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนเทขายดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปทุ่มซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากว่า รวมถึงสกุลเงินยูโร หลังจากที่ประชุมสุดยอดผู้นำอียูมีมติให้ใช้มาตรการควบคุมวิกฤตหนี้สาธารณะไม่ให้ลุกลามไปยังประเทศอื่นๆที่มีความสำคัญในเชิงระบบของยูโรโซน เช่นอิตาลี โดยมาตรการดังกล่าวครอบคลุมถึงการเพิ่มขนาดให้กับกองทุน EFSF เป็น 1 ล้านล้านยูโร (1.37 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) และปรับลดมูลค่าพันธบัตร หรือการทำ haircut ของรัฐบาลกรีซซึ่งถือครองโดยธนาคารเอกชนลงในสัดส่วน 50%
สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นแม้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เปิดเผยว่า ปริมาณการปล่อยกู้ให้กับภาคเอกชนในยูโรโซนมีอัตราการเติบโตทรงตัวที่ 2.5 % ต่อปี สู่ระดับ 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ระดับ 2.6% ต่อปี อย่างไรก็ตาม นักลงทุนกังวลว่าปริมาณการปล่อยกู้อาจลดลงในขณะที่เศรษฐกิจยูโรโซนชะลอตัว
ส่วนเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ แม้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ออกมาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงินในการประชุมเมื่อวานนี้ ด้วยขยายมาตรการซื้อสินทรัพย์ ในขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นเผชิญกับแนวโน้มที่ไม่แน่นอน เนื่องจากเยนแข็งค่าและผู้นำยุโรปดำเนินการล่าช้าในการคลี่คลาย วิกฤติหนี้ยูโรโซน
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของบีโอเจมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ 0-0.1 % ตามความคาดหมายด้วย คะแนนเสียงอย่างเป็นเอกฉันท์ แต่การตัดสินใจขยายมาตรการซื้อสินทรัพย์นี้ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุน 8-1 จากสมาชิกบอร์ดบีโอเจ เนื่องจากนายเรียวโซะ มิยาโอะ คัดค้านมตินี้เพราะ เขาต้องการให้ขยายมาตรการซื้อสินทรัพย์มากกว่านี้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า จีดีพีที่แท้จริงประจำไตรมาส 3 ปี 2554 ขยายตัวขึ้นแตะ 2.5% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 1 ปี เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค
นักลงทุนจับตาดูดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในช่วงท้ายเดือนต.ค.ของสหรัฐ ซึ่งรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยในวันนี้เวลา 20.55 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะอยู่ที่ 58.0 จุด เพิ่มขึ้นจากระดับ 57.5 จุดในช่วงต้นเดือนต.ค.