
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร (ครม.สัญจร) ที่จังหวัดนครพนม ในเรื่องการเจรจากับสหรัฐอเมริกาสำหรับกรอบความร่วมมือในภูมิภาค โดยเฉพาะอาเซียนนั้น จะมีการเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางกระแสการแข่งขันทางเศรษฐกิจ และความไม่แน่นอนของการบังคับใช้นโยบายภาษีของสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่งผลกระทบต่อการค้าและการส่งออกของหลายประเทศ ผู้นำหลายประเทศในอาเซียน เช่น มาเลเซีย และกัมพูชา ได้มีการหารือกันในเรื่องนี้และมีความเห็นว่า ประเทศสมาชิกในอาเซียนควรร่วมมือกัน โดยใช้จุดแข็งของแต่ละประเทศ หาข้อได้ดีที่สุดในภาพรวม ซึ่งจะทำให้ผลการพูดคุยไม่ได้เป็นของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่จะเป็นของประเทศสมาชิกในอาเซียนด้วยกัน เช่นจุดแข็งด้านทรัพยากรธรรมชาติ การเชื่อมโยงเครือข่ายการขนส่ง ศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์
นายกรัฐมนตรีสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคลัง และ คณะทำงาน ด้านนโยบายการค้าอเมริกา รับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย และรวบรวมมาตรการที่จะเป็นจุดแข็งของประเทศอาเซียนต่อไป
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา รวมถึงนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียแล้ว โดยเน้นในเรื่องของทรัพยากรธรรมชาติ และทรัพยากรที่มีอยู่แล้ว มาเป็นจุดที่แต่ละประเทศจะนำมารวมพลังเพื่อเป็นข้อต่อรองที่สำคัญ เพราะเมื่อรวมกลุ่มอาเซียน จะมีประชากรมากขึ้น และมีน้ำหนักมากขึ้นในการต่อรองกับสหรัฐฯ ซึ่งจะมีการประชุมนอกรอบอีกครั้ง รวมถึงจะหยิบยกไปพูดคุยในการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (Joint Cabinet Retreat: JCR) ที่จังหวัดสระแก้วด้วย
ส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลไทย ไม่ได้ถูกเลื่อนการเจรจา แต่ไม่ได้มีการประสานตกลงวันเจรจาตั้งแต่แรก นายกรัฐมนตรีย้ำว่า เป็นข่าวลือ ไม่ต้องการนำมาเล่นเป็นประเด็นการเมืองเช่นนี้ เพราะไทยกับสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาเป็นระยะเวลายาวนาน
พร้อมยอมรับว่าเรื่องของวันเจรจา ขณะนี้ยังไม่ได้ระบุออกมา ส่วนกรณีที่บางฝ่ายอยากให้มีการไปเจรจายกแรกก่อน เพื่อให้เห็นความต้องการของสหรัฐฯ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เราคุยกันหลังไมค์อยู่แล้วเรื่องความต้องการของสหรัฐฯ ก่อนที่จะมาแถลงต้องมีการพูดคุยกันข้างหลังก่อน ไม่เช่นนั้น จะเกิดผลกระทบระหว่างประเทศ เพราะฉะนั้น การทำงานร่วมกันในกลุ่มต่าง ๆ ทั้งเรื่องการค้า ที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นคนรับผิดชอบอยู่ตอนนี้ก็ต้องคุยกันทุกแง่มุมข้างหลังให้เรียบร้อยก่อน ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถออกมาพูดในที่สาธารณะได้ ซึ่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมตลอด ไม่ได้หายไปไหน และยังติดต่อกับทางสหรัฐฯ ตลอด
"จะเห็นได้ชัดว่าเรื่องความเร็วไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่เป็นเรื่องของความแม่นยำมากกว่า และต้องมีข้อมูลที่ละเอียดมากยิ่งขึ้นในการไปเจรจากับสหรัฐฯ ซึ่งก็ยังคงทำอย่างต่อเนื่อง" นายกฯ ระบุ
ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับว่าการฟ้องนายพอล แชมเบอร์ส นักวิชาการ อาจถูกหยิบยกมาเป็นเงื่อนไขทำให้การเจรจายากขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการควบคู่ไปกับกระทรวงพาณิชย์ ทั้งหมดนี้เป็นการเจรจาในภาพรวมทั้งหมด ได้มีการพูดคุยเรื่องที่เกี่ยวข้องทั้งหมด