ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 พ.ย.) หลังจากกรีซยืนยันว่า การทำประชามติต่อแผนการให้ความช่วยเหลือกรีซนั้น เป็นเพียงการสอบถามความคิดเห็นของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งของกรีซ ไม่ใช่ประเทศสมาชิกยูโรโซน อย่างไรก็ตาม ยูโรปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัดเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป
สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.36% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3743 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3694 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ทรงตัวอยู่ที่ 1.5945 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.36% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 78.040 เยน จากระดับ 78.320 เยน และดิ่งลง 0.32% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8842 ฟรังค์ จากระดับ 0.8870 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดีดตัวขึ้น 0.05% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0336 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0331 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.67% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7894 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7947 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นหลังจากโฆษกของรัฐบาลกรีซภายใต้การนำของนายจอร์จ ปาปันเดรอู ยืนยันว่าการทำประชามติต่อแผนการให้ความช่วยเหลือกรีซนั้น เป็นเพียงการสอบถามความคิดเห็นของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งของกรีซ ไม่ใช่ประเทศสมาชิกยูโรโซน
สำนักข่าว AMNA ของกรีซรายงานว่า นายปาปันเดรอูยืนกรานว่าจะเดินหน้าการทำประชามติเพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในช่วงต้นปีหน้าต่อไป เพราะการทำประชามติเป็นคำมั่นสัญญาที่พรรคของเขามีต่อประชาชนในช่วงก่อนการเลือกตั้ง โดยรัฐบาลจะปล่อยให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งของกรีซตัดสินใจว่า พวกเขาต้องการที่จะให้ข้อตกลงของสหภาพยุโรป (อียู) มีผลบังคับใช้หรือไม่ และตัดสินใจว่าพวกเขาต้องการให้กรีซออกจากการเป็นสมาชิกกลุ่มยูโรโซนหรือไม่
ส่วนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0-0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ และยืนยันว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษอย่างน้อยไปจนถึงกลางปี 2556 นอกจากนี้ คณะกรรมการเฟดยังได้ย้ำถึงความพร้อมที่จะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม
นอกเหนือจากการคงอัตราดอกเบี้ยแล้ว เฟดยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีหน้าลงมาอยู่ที่ระดับ 2.5-2.9% ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมิ.ย.ที่ 3.3-3.7% ส่วนในปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวที่ระดับ 1.6-1.7% น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 2.7-2.9%
ADP Employer Services เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 110,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. เพราะได้แรงหนุนจากภาคบริการที่มีการจ้างงานสูงขึ้นถึง 114,000 ตำแหน่ง
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนก.ย., ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค. และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค. โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 95,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานจะทรงตัวอยู่ที่ 9.1%