นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) มีมติให้เร่งส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์โดยปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ลง 1.20 บาท/ลิตร จาก 1.40 บาท/ลิตร เหลือ 0.20 บาท/ลิตร โดยจะมีผลทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 หน้าสถานีบริการน้ำมันลดลงทันทีตั้งแต่เที่ยงคืนนี้เป็นต้นไปในราคา 1.28 บาท/ลิตร ซึ่งเป็นราคาที่ได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วทำให้ราคาใหม่อยู่ที่ 34.59 บาท/ลิตร
การลดอัตราการส่งเงินเข้ากองทุนฯ ดังกล่าว เพื่อทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 ถูกกว่าน้ำมันเบนซิน 91 เป็นการสนับสนุนให้ผู้ใช้น้ำมันหันมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลเพิ่มขึ้น โดยการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ครั้งนี้จะทำให้กองทุนน้ำมันฯ กลุ่มเบนซินมีภาระชดเชยเพิ่มขึ้นจาก 103 ล้านบาท/เดือน เป็น 256 ล้านบาท/เดือน คาดว่าจะส่งผลให้ปริมาณการใช้เอทานอลเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.14 ล้านลิตร/วัน จากเดิมปริมาณการใช้เอทานอลในเดือนก.ย.ที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.08 ล้านลิตร/วัน
นอกจากนี้ กบง.เห็นชอบตามมติเดิมของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) เมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่ให้มีการปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีเดือนละ 50 สตางค์/กก. เป็นเวลา 12 เดือน รวมทั้งหมด 6 บาท/กก. ทำให้ราคาเอ็นจีวีจะปรับเพิ่มขึ้นจาก 8.50 บาท/กก.เป็น 14.50 บาท/กก. โดยจะเริ่มปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.55 และจะมีการยกเลิกการชดเชยราคาเอ็นจีวีให้กับ ปตท. 2 บาท/กก. โดยให้ ปตท.นำเงินที่ได้จากการชดเชยราคาเอ็นจีวีมาส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ แทน 2 บาท/กก. เพื่อนำมาใช้เป็นส่วนลดราคาขายปลีกเอ็นจีวีในโครงการบัตรเครดิตพลังงานให้กับรถรับจ้างขนส่งผู้โดยสารสาธารณะ คือ รถแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก และรถตู้ร่วมโดยสาร ขสมก.เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซเอ็นจีวี
ทั้งนี้ การปรับราคาขายปลีกก๊าซเอ็นจีวีดังกล่าว จะทำให้ภาระเงินชดเชยกองทุนน้ำมันฯ ในปี 2555 ลดลงจากประมาณ 5,800 ล้านบาท เหลือ ประมาณ 800 ล้านบาท
ส่วนการปรับขึ้นราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือ แอลพีจี ก็จะเป็นไปตามมติ กพช. โดยจะเริ่มขึ้นราคาแอลพีจีในภาคขนส่งทุกเดือนในอัตรา 75 สตางค์/กก. หรือ 41 สตางค์/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.55 เป็นต้นไป
สำหรับโครงการบัตรเครดิตพลังงาน ที่ประชุม กบง. เห็นชอบโครงการบัตรเครดิตพลังงาน โดยจะจัดทำบัตรเครดิตพลังงานให้กับคนขับรถรับจ้างขนส่งผู้โดยสารสาธารณะที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิงเป็นรายบุคคล โดยมีพื้นที่ให้บริการที่เป็นสถานีบริการก๊าซเอ็นจีวีในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลประมาณ 200 แห่ง
ทั้งนี้ เงื่อนไขการใช้บัตรเครดิตพลังงานจะมีวงเงินเครดิต 3,000 บาทต่อบัตร ผู้ใช้บัตรจะได้รับเครดิตพร้อมส่วนลดตามกำหนดจนครบวงเงิน เมื่อใช้วงเงินครบ 3,000 บาท แต่ยังไม่ถึงรอบการชำระเงิน ผู้ใช้บัตรยังคงได้รับส่วนลดตามกำหนด แต่ต้องชำระเป็นเงินสดแทน โดยธนาคารจะตัดยอดชำระเงินทุกวันที่ 25 ของทุกเดือน และกำหนดวันที่ต้องชำระเงินภายในสิ้นเดือน โดยจะต้องชำระเต็มวงเงินเท่านั้น ไม่สามารถชำระบางส่วนได้ เมื่อชำระเงินแล้ววงเงินจะกลับไปที่ 3,000 บาท หากไม่ชำระตามระยะเวลาที่กำหนดถือเป็นการผิดเงื่อนไขและต้องเสียค่าธรรมเนียมในการชำระล่าช้า ดังนั้น ผู้ใช้บัตรจะไม่ได้รับส่วนลดและต้องชำระค่าก๊าซเอ็นจีวีด้วยเงินสด ซึ่งหากผู้ใช้บัตรไม่ชำระเงินตามกำหนดเกิน 2 เดือน ธนาคาร จะยกเลิกสิทธิการใช้บัตรดังกล่าว และขึ้นบัญชีไม่สามารถสมัครได้อีก
ส่วนวิธีการใช้บัตรเครดิตพลังงานจะต้องใช้บัตร 2 ใบควบคู่กัน คือ 1) บัตรเติมก๊าซ NGV ซึ่งเป็นบัตร Magnetic ประจำรถแต่ละคัน ออกโดย ปตท. เพื่อแสดงสิทธิของรถที่เข้าร่วมโครงการกับกระทรวงพลังงาน จำนวน 81,275 ใบ และ 2) บัตรเครดิตพลังงาน เป็นบัตร Magnetic + Chip รายบุคคล ออกโดยธนาคารกรุงไทย เพื่อแสดงสิทธิการได้รับวงเงินเครดิตพลังงานเป็นรายเดือน จำนวน 156,275 ใบ
การใช้บัตรเครดิตพลังงานจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1ธ.ค.54—31 ธ.ค.58 และการให้ส่วนลดราคาขายปลีกก๊าซเอ็นจีวี เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.55—31 ธ.ค.58
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณาการปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณราคาเอทานอลอ้างอิง โดยเห็นชอบให้ใช้หลักเกณฑ์การคำนวณราคาเอทานอลใหม่ตามราคาประกาศของกระทรวงพาณิชย์ แทนที่การใช้หลักเกณฑ์เดิมที่คำนวณราคาเอทานอลอ้างอิงจากต้นทุนการผลิต (Cost-plus) โดยหลักเกณฑ์การคำนวณใหม่ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จะออกประกาศทุกวันที่ 1 ของเดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.55 เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าสูตรการคำนวณราคาใหม่จะทำให้ราคาลดลง 2 บาท/ลิตร