World Marketsสรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ข่าวต่างประเทศ Tuesday November 8, 2011 06:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 พ.ย.) หลังจากนายเจอร์เกน สตาร์ค สมาชิกคณะกรรมการบริหารของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) แสดงความเห็นว่า วิกฤตหนี้ยุโรปจะสิ้นสุดลงในระยะเวลา 1 หรือ 2 ปีเป็นอย่างช้า อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในอิตาลีและกังวลว่าปัญหาหนี้สาธารณะที่มีต้นตอมาจากกรีซจะลุกลามไปยังอิตาลี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 85.15 จุด หรือ 0.71% แตะที่ 12,068.39 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 7.89 จุด หรือ 0.63% แตะที่ 1,261.12 จุด ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 9.10 จุด หรือ 0.34% แตะที่ 2,695.25 จุด

-- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 พ.ย.) หลังจากมีรายงานว่ากรีซกำลังหารือกันเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่เพื่อผ่านร่างกฎหมายการรับความช่วยเหลือของสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนผ่อนคลายจากความวิตกกังวลที่ว่าวิกฤตหนี้กรีซจะลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในยูโรโซน

สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น 1.26 ดอลลาร์ หรือ 1.34% ปิดที่ 95.52 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนส.ค.เป็นต้นมา

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 พ.ย.) เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลที่ว่าวิกฤตหนี้ยุโรปอาจลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในยูโรโซน รวมถึงอิตาลีนั้น ยังคงเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยง นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่าเยอรมนีปฏิเสธแผนการนำทองคำในทุนสำรองมาใช้ในการแก้ไขปัญหาหนี้ยุโรป

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 35 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 1,791.1 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์

-- สกุลเงินยูโรอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 พ.ย.) เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลที่ว่าวิกฤตหนี้ยุโรปอาจลุกลามไปยังอิตาลี หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง นอกจากนี้ ภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมืองของอิตาลียังทำให้นักลงทุนวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวมากขึ้นด้วย

ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลง 0.15% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3773 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3794 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.13% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.6050 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6029 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.24% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 78.040 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 78.230 ดอลลาร์สหรัฐ และพุ่งขึ้น 1.84% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9009 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8846 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียทรงตัวที่ระดับ 1.0372 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.43% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7969 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7935 ดอลลาร์สหรัฐ

-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 พ.ย.) โดยดัชนีปรับตัวลงติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมืองของกรีซและอิตาลี ซึ่งเป็นประเทศที่กำลังประสบปัญหาหนี้สินมากที่สุดในยูโรโซน ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 16.34 จุด หรือ 0.3% แตะที่ 5,510.82 จุด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ