นายสุทธิ รจิตรังสรรค์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังประสบกับปัญหาวิกฤตมหาอุทกภัย ถึงแม้ธุรกิจประกันชีวิตจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งอาจเป็นเหตุให้อัตราการเติบโต ณ วันสิ้นปีไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ร้อยละ 15 หรือมีเบี้ยประกันภัยรับ 339,000 ล้านบาท แต่จากผลประกอบการที่ผ่านมาถือว่าธุรกิจประกันชีวิตประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งพอสมควร จึงคาดว่า ณ สิ้นปี 2554 ธุรกิจประกันชีวิตจะมีอัตราการเติบโตคงเป็นสองหลักไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 หรือมีเบี้ยประกันภัยรับประมาณไม่ต่ำกว่า 330,000 ล้านบาท
โดยวิกฤตมหาอุทกภัย ส่งผลให้ธุรกิจประกันชีวิตได้รับผลกระทบด้วยกันหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการประกอบการของบริษัทประกันชีวิต และการสร้างตัวแทนประกันชีวิต สำนักงานสาขาของบางบริษัทได้รับผลกระทบอย่างหนักจนไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2554
ด้านช่องทางการจำหน่ายที่ประกอบไปด้วย การขายผ่านตัวแทน การขายผ่านธนาคาร การขายผ่าน Direct Marketing ล้วนแต่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน และที่สำคัญประชาชนที่ถือว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจได้รับความเดือดร้อนรุนแรงอย่างกว้างขวาง ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติส่งผลให้มีรายได้ลดลง กำลังซื้อย่อมลดลงตาม
นายสุทธิ กล่าวต่อว่า สำหรับสถิติเบี้ยประกันชีวิตรับ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2554 ที่สมาคมประกันชีวิตไทยรวบรวมได้ในขณะนี้ ประกอบไปด้วย เบี้ยประกันชีวิตรับปีแรก 50,312.8 ล้านบาท เบี้ยประกันชีวิตรับจ่ายครั้งเดียว 23,718.8 ล้านบาท รวมเป็น เบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ 74,031.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนจำนวน 7,882.4 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 11.9 สำหรับเบี้ยประกันชีวิตรับปีต่อไป 165,034.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนจำนวน 18,993.8 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 13.0 มีอัตราความคงอยู่ร้อยละ 87 รวมทั้งภาคธุรกิจมีเบี้ยประกันชีวิตรับ ทั้งสิ้น 239,066.0 ล้านบาท อัตราการเติบโตร้อยละ 12.7