นายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการคนใหม่ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อปริมาณรายได้และปริมาณผู้ใช้ทางลดลงประมาณ 10% ส่วนความสูญเสียรายได้จากการยกเว้นค่าผ่านทางทั้งในส่วนของกทพ. ที่ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษฉลองรัช และทางพิเศษบูรพาวิถี ไปก่อนหน้านี้ รวมทั้งค่าผ่านทางที่ยกเว้นถึงวันที่ 20 พ.ย.นี้ ยังอยู่ระหว่างการประเมิน แต่เบื้องต้นรายได้ค่าผ่านทางพิเศษทั้งระบบอยู่ที่วันละประมาณ 50 ล้านบาท
นอกจากนั้น ยังมีโครงสร้างทางด่วนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมด้วย ได้แก่ ทางพิเศษอุดรรัถยา บริเวณทางลงบางพูน เชียงราก และบางปะอิน ซึ่งเอกชนต้องรับผิดชอบซ่อมแซม โดยขณะนี้ไม่สามารถประเมินค่าเสียหายได้ ต้องรอให้น้ำลดและเข้าไปสำรวจก่อน
และจากปัญหาน้ำท่วมครั้งนี้ มีแนวคิดว่าน่าจะต่อเชื่อมทางลงทางด่วนให้ไปเชื่อมกับถนนสายหลัก ไม่ว่าจะเป็นถนนพหลโยธิน หรือถนนสายเอเชีย เพราะถนนสายหลักบางแห่งน้ำท่วมต่ำรถใหญ่ยังสามารถสัญจรได้ และทำให้การขนส่งไม่ขาดช่วง
“สิ่งแรกหลังจากรับตำแหน่ง คือ การแก้ปัญหาน้ำท่วม ซึ่งกทพ.ถือเป็นผู้ประสบภัยเช่นกัน เนื่องจากสำนักงานที่จตุจักรถูกน้ำท่วมต้องย้ายไปทำงานที่ศูนย์ควบคุมทางพิเศษฉลองรัช หลังจากนั้นมีแนวคิดที่จะพัฒนาเพิ่มศักยภาพของระบบจัดเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติ หรืออีซีพาส รวมทั้งการขยายโครงข่ายทางด่วนเพื่อให้โครงข่ายสมบูรณ์ โดยเฉพาะเส้นทางไปด้านทิศใต้ รวมทั้งจะไปก่อสร้างทางด่วนในจังหวัดใหญ่ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น พิษณุโลก ตลอดจนสร้างทางด่วนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย" นายอัยยณัฐ กล่าว