สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (9 พ.ย.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำ นอกจากนี้ การที่สัญญาทองคำไม่สามารถประคองตัวอยู่เหนือแนวต้านที่ระดับ 1,800 ดอลลาร์ได้ ยังเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนเทขายออกมาด้วย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 7.6 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,791.6 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1795.4 - 1786.0 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 79.2 เซนต์ ปิดที่ 34.361 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 9.2 เซนต์ ปิดที่ 3.441 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ดิ่งลง 22.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 654.85 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 29.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,643.70 ดอลลาร์/ออนซ์
ไมค์ ดาลี ผู้เชี่ยวชาญด้านทองคำจากบริษัท พีเอฟจีเบสท์ ในเมืองชิคาโก กล่าวว่า การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำ โดยดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ พุ่งขึ้น 1.6% สู่ระดับ 77.9% เมื่อวานนี้
ดาลีกล่าวว่า ในระหว่างวันนั้น สัญญาทองคำทะยานขึ้นแตะแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 1,800 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ถอยร่นลงมาจากระดับดังกล่าว ซึ่งการที่สัญญาทองคำไม่สามารถประคองตัวอยู่เหนือระดับดังกล่าวได้นั้น นับเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนตัดสินใจเทขายทำกำไร สำนักข่าวซินหัวรายงาน