สำนักงานศุลกากรของจีน (GAC) เปิดเผยว่า มูลค่าการนำเข้าและการส่งออกของจีนประจำเดือนต.ค. ลดลง 8.3% จากเดือนก.ย. มาอยู่ที่ระดับ 2.9795 แสนล้านดอลลาร์ เนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปได้ส่งผลให้ความต้องการสินค้าส่งออกของจีนปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตาม มูลค่าการค้าระหว่างประเทศเดือนต.ค.ของจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น 21.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี
รายงานของ GAC ระบุว่า ยอดส่งออกเดือนต.ค.ของจีนหดตัวลง 7.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน แตะระดับ 1.5749 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดการนำเข้าลดลง 9.5% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน มาอยู่ที่ระดับ 1.4046 แสนล้านดอลลาร์ และหากเทียบเป็นรายปีพบว่า ยอดส่งออกเดือนต.ค.ของจีนเพิ่มขึ้น 15.9% และยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 28.7%
ส่วนยอดเกินดุลการค้าของจีนลดลง 36.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี มาอยู่ที่ระดับ 1.703 หมื่นล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม GAC คาดว่า มูลค่าการค้ากับต่างประเทศของจีนจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ เนื่องจากยอดส่งออกและนำเข้าในช่วง 10 เดือนแรกปรับตัวสูงขึ้น 24.3% จากปีที่แล้ว สู่ระดับ 2.97 ล้านล้านดอลลาร์
ข้อมูลของ GAC บ่งชี้ว่า มูลค่าการค้าระหว่างจีนกับคู่ค้ารายใหญ่ เช่น สหภาพยุโรป (อียู) สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ชะลอตัวลงในปีนี้ เมื่อเทียบกับมูลค่าการค้ากับกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม อียูยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับหนึ่งของจีนในช่วงเดือนม.ค.-ต.ค. ด้วยมูลค่า 4.6694 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 20.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี แม้เกิดวิกฤตหนี้ในยุโรปก็ตาม
มูลค่าการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 16.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 3.6303 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่มูลค่าการค้าระหว่างจีนและประเทศกลุ่มอาเซียน เพิ่มขึ้น 25.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 2.9591 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งเป็นผลมาจากการที่จีนทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีร่วมกับกลุ่มอาเซียน
นอกจากนี้ มูลค่าการค้าระหว่างจีนกับออสเตรเลีย บราซิล รัสเซีย และแอฟริกาใต้ เพิ่มขึ้น 34.6%, 37.4%, 43.8% และ 87% ตามลำดับ สำนักข่าวซินหัวรายงาน