นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่าจากผลกระทบของปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในปีนี้คาดว่าจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3-4 แสนล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ผลผลิตมวลรวมในประเทศ(จีดีพี)ของไทยในปีนี้เติบโตเหลือเพียง 1.5-2.5%
"ปีนี้เราคาดว่าเศรษฐกิจจะโตได้ 1.5-2.5% เราหวังเห็นจาการฟื้นฟูที่ทำได้เร็วในเดือนธ.ค. แต่หากการฟื้นฟูทำได้ช้า และยังมีปัญหาหนี้ยุโรปอีก เศรษฐกิจปีนี้ก็อาจจะโตได้ไม่ถึง 1.5%" นายธนวรรธน์ ระบุ
ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดจนถึงปัจจุบันสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3.46 แสนล้านบาทแล้ว กดดันให้เศรษฐกิจย่อลง 3.1-3.4%
นายธรวรรธน์ มองว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัดในช่วงไตรมาส 4/54 จากผลกระทบของปัญหาน้ำท่วมทั้งในภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม ภาคการค้า และภาคการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ดี หากรัฐบาลสามารถบริหารจัดการน้ำและมีการฟื้นฟูเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โดยทำให้เศรษฐกิจในปี 55 สามารถกลับมาขับเคลื่อนได้ตามปกติตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม ก็มีโอกาสจะจะทำให้จีดีพีในปี 55 สามารถเติบโตได้ 4-5% แต่มีเงื่อนไขว่าเศรษฐกิจโลกต้องไม่พลิกผันไปจากนี้
"ถ้ารัฐบาลสามารถพร่องน้ำได้เร็ว สามารถฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมได้เร็วและสร้างความเชื่อมั่นได้เร็ว การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสามารถทำได้ในเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม เรามีโอกาสที่จะโตได้ 4-5% เพราะฐานปีนี้ต่ำ แต่มีข้อแม้ว่าเศรษฐกิจจะต้องไม่พลิกผัน"นายธนวรรธน์ กล่าว
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจฯ ประเมินผลกระทบน้ำท่วมต่อเศรษฐกิจไทยจนถึงปัจจุบัน(25 ก.ค.-10 พ.ย.) ซึ่งได้รวมผลกระทบด้านการเกษตร, อุตสาหกรรม, การท่องเที่ยว, การค้า และอื่นๆ เช่น การคมนาคมขนส่งและบริการ ได้คิดเป็นตัวเลขผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งสิ้น 346,160 ล้านบาท กด GDP ให้ลดลงอีก 3.1-3.4% แต่หากกรณีเลวร้ายสุด คือ น้ำท่วมกรุงเทพฯ ทุกเขต ซึ่งรวมถึงนิคมอุตสาหกรรมบางชัน และนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังด้วยนั้น จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจถึง 446,445 ล้านบาท กด GDP ให้ลดลง 4.1-4.3%