มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวมเดือน ต.ค.ที่ 62.8 จาก 72.2 ในเดือน ก.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นฯเกี่ยวกับโอกาสหางานทำ อยู่ที่ 63.7 ดัชนีความเชื่อมั่นฯ เกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 90.9 ทั้งนี้ ดัชนีทุกตัวปรับตัวลดลงจากเดือน ก.ย. และปรับตัวลดลงทุกรายการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ขณะที่ดัชนีหลายรายการลดลงต่ำสุดในรอบ 10 ปี จากผลกระทบของปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศ
สำหรับปัจจัยลบในเดือน ต.ค.ได้แก่ ผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมในหลายพื้นที่ สร้างความเสียหายต่อนิคมอุตสาหกรรม ทรัพย์สินของประชาชน ผลกระทบด้านการท่องเที่ยว, ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ปี 54 ลงเหลือ 2.6% จากเดิมมองไว้ 4.1%, ผู้บริโภคกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพ, ความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ส่วนปัจจัยบวกคือคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 3.5%, การส่งออกเดือน ก.ย.ยังขยายตัวสูง และเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อย
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจฯ คาดการณ์ว่าการบริโภคของภาคประชาชนในปัจจุบันจะชะลอตัวลงตลอดไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ จนถึงกลางไตรมาสแรกของปีหน้า ทั้งนี้เนื่องจากประชาชนยังคงมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากปัญหาน้ำท่วม ตลอดจนค่าครองชีพที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง และความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
ดังนั้น การเร่งรัดเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายลงให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม จะทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาฟื้นตัวขึ้นได้รวดเร็วเช่นกัน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การปรับตัวลดลงของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนต.ค.นี้ มีจุดสังเกตน่าสนใจ เนื่องจากเป็นสถานการณ์ที่ช็อคความรู้สึกของประชาชนจากเหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรงในหลายพื้นที่ของประเทศ ซึ่งส่งผลให้ไม่มีความเคลื่อนไหวในกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระยะนี้ และทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงต่ำสุดในรอบ 10 ปี
"เป็นสถานการณ์ช็อคความรู้สึก ดัชนีได้ลดลงจากสภาพความจริงในปัจจุบัน ที่ไม่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจใดๆ เกิดขึ้น เพราะต่างคนห่วงเรื่องน้ำท่วม และการป้องกันน้ำท่วม...ดัชนีฯ ได้ลดลงต่ำสุดในรอบ 1 ปี ซึ่งเห็นว่าหลังจากวิกฤติต้มยำกุ้งแล้ว ยังไม่มีอะไรที่จะช็อคกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้มากเท่านี้" นายธนวรรธน์ กล่าว และคาดว่าอาจจะส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน พ.ย.นี้มีโอกาสปรับตัวลดลงได้อีก
อย่างไรก็ดี ยังมีความหวังของการเห็นเศรษฐกิจที่จะฟื้นตัวได้ในอนาคต เนื่องจากดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 90.9 ซึ่งถือว่ายังใกล้เคียงกับระดับปกติที่ 100 ดังนั้น การช่วยเหลือเยียวยาผลกระทบน้ำท่วมจากภาครัฐจึงถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ซึ่งหากสามารถระบายน้ำที่ท่วมขังลงได้เร็วก็อาจทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในเดือนธ.ค.อาจปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ และหลังจากนั้นดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนม.ค.-ก.พ.55 จะขึ้นอยู่กับมาตรการเยียวยาต่างๆ เช่น การปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน รวมถึงเม็ดเงินช่วยเหลือจากภาครัฐผ่านมาตรการฟื้นฟูด้านต่างๆ ของรัฐบาล