ส.ประกันชีวิตไทยเผยเบี้ยประกันชีวิตสิ้น Q3/54ขายผ่านตัวแทนมากสุด 59.9%

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 10, 2011 15:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางบุษรา อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า เบี้ยประกันชีวิตที่ขายผ่านช่องทางต่าง ๆ เมื่อสิ้นไตรมาสสามของปี 2554 (1 มกราคม — 30 กันยายน 2554) นั้น การขายผ่านตัวแทนประกันชีวิต ยังคงได้รับความนิยมสูงสุด โดยมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 59.5 ของเบี้ยประกันชีวิตรับรวม (เติบโตขึ้นร้อยละ 9.0)

ขณะที่การขายผ่านธนาคารตามมาเป็นอันดับที่สอง มีสัดส่วนร้อยละ 33.6 (เติบโตขึ้นร้อยละ 19.1) การขายผ่านทางโทรศัพท์หรือไปรษณีย์ มีสัดส่วนร้อยละ 3.5 (เติบโตขึ้นร้อยละ 22.5) และการขายผ่านช่องทางอื่นๆ อีก ร้อยละ 3.4 (เติบโตขึ้นร้อยละ 7.7)

หากพิจารณาถึงการเติบโตและขนาดของบริษัทประกันชีวิต โดยจะพิจารณาจากเบี้ยประกันชีวิตรับรวม (Total Premium) ซึ่งสิ้นไตรมาสสามของปี 2554 มีทั้งสิ้น 239,066.0 ล้านบาท ประกอบด้วยเบี้ยประกันชีวิตรายใหม่ 74,031.6 ล้านบาท รวมกับเบี้ยประกันชีวิตปีต่อไป 165,034.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนจำนวน 26,876.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 12.7 อัตราความคงอยู่ร้อยละ 87

บริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันชีวิตรับรวมสูงสุดหรือขนาดใหญ่สูงสุด 3 อันดับแรก คือ อันดับที่ 1 บจ.เอ.ไอ.เอ. ส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 28.1 อันดับที่ 2 บจ.เมืองไทยประกันชีวิต ส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 12.3 อันดับที่ 3 บจ.ไทยประกันชีวิต ส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 12.2

หากพิจารณาถึงการขยายงานของบริษัท จะพิจารณาจากการเติบโตเฉพาะเบี้ยประกันชีวิตรายใหม่เพียงอย่างเดียว ซึ่งสิ้นไตรมาสสามของปี 2554 มีทั้งสิ้น 74,031.6 ล้านบาท ประกอบด้วยเบี้ยประกันชีวิตปีแรก 50,312.8 ล้านบาท รวมกับเบี้ยประกันชีวิตจ่ายครั้งเดียว 23,718.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันปีก่อนจำนวน 7,882.4 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 11.9

บริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันชีวิตรายใหม่ หรือมีการขยายงานระหว่างเดือนมกราคม — กันยายน 2554 สูงสุด 3 อันดับแรก คือ อันดับที่ 1 บจ.เอ.ไอ.เอ. ส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 19.6 อันดับที่ 2 บจ.เมืองไทยประกันชีวิต ส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 17.7 อันดับที่ 3 บจ.ไทยประกันชีวิต ส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 10.7

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ได้เกิดวิกฤตมหาอุทกภัยระหว่างเดือนตุลาคม — พฤศจิกายน 2554 ขึ้นในประเทศไทยนั้น ผลกระทบที่มีต่อธุรกิจประกันชีวิต คือ ทำให้เบี้ยประกันชีวิตรับทั้งเบี้ยประกันชีวิตรายใหม่และเบี้ยประกันชีวิตปีต่อไปในไตรมาสสุดท้ายขยายตัวในอัตราที่ลดลง ทั้งนี้ เนื่องจากประชาชนโดยทั่วไปได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสและขาดรายได้ชั่วขณะหนึ่งทำให้กำลังซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคลดลงรวมทั้งการจ่ายเบี้ยประกันชีวิตสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตรายเก่าและการซื้อประกันชีวิตรายใหม่ ประกอบกับมาตรการช่วยเหลือผู้เอาประกันชีวิตที่อาศัยในเขตเกิดภัยพิบัติน้ำท่วม ซึ่งบริษัทประกันชีวิตได้ช่วยเหลือโดยได้ผ่อนผันระยะเวลาการชำระเบี้ยประกันภัยจาก 31 วันเป็น 91 วัน และผ่อนผันให้กรมธรรม์ประกันชีวิตที่ขาดอายุไม่เกิน 6 เดือน สามารถขอต่ออายุโดยยกเว้นดอกเบี้ยและไม่ต้องตรวจสุขภาพ

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือผู้ที่จะสมัครสอบเป็นตัวแทนประกันชีวิตรายใหม่รวมทั้งผู้คุมสอบไม่สามารถออกจากบ้านไปทำการสอบได้ในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน 2554 สมาคมต้องทำการงดการสอบความรู้เพื่อขอรับใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกันชีวิตถึง 9 จังหวัด เช่น ชัยนาท อุทัยธานี พระนครศรีอยุธยา เป็นต้น แม้แต่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล สมาคมได้งดการจัดสอบเป็นรายบริษัทในเดือนพฤศจิกายน 2554 ทั้งเดือน คงมีการสอบเฉพาะที่อาคารสมาคมประกันชีวิตไทยแห่งเดียว ปัญหาดังกล่าวจะส่งผลให้อัตราการเติบโตของเบี้ยประกันชีวิต ณ วันสิ้นปีลดลงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ร้อยละ 15 มาเป็นประมาณร้อยละ 10 หรือมีเบี้ยประกันชีวิตรับรวมไม่ต่ำกว่า 330,000 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ