นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เชื่อมั่นในศักยภาพเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะเติบโตประมาณ 7% หลังจากสถานการณือุทกภัยครั้งใหญ่คลี่คลายลง
หลังน้ำลดเศรษฐกิจไทยจะขับเคลื่อนเติบโตได้ดี และจะมีการจ้างงานสูง ทั้งยังเกรงว่าอาจเกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากประเทศไทยมีโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างมาก เป็นโอกาสที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ กล่าวคือวันนี้ไทยสามารถผลิตสินค้าไปขายยังจีน ญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศในอาเซียนได้โดยไม่เสียภาษี เนื่องจากมีข้อตกลงทางการค้าระหว่างกัน นอกจากนี้ไทยยังมีเงินทุนสำรองจำนวนมากติดอันดับที่ 13 ของโลก ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบของประเทศไทย
ทั้งนี้ นายธนินท์ได้เสนอแนะให้รัฐบาลเร่งอธิบายหรือชี้แจงแก่นักลงทุนต่างประเทศถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในระยะยาว และควรเชิญชวนนักลงทุนให้มากขึ้น เช่น นักลงทุนจากประเทศจีนเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
นายธนินท์ กล่าวภายหลังเยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์นนทบุรี ซึ่งเป็นศูนยอพยพของจ.นนทบุรี ว่านับตั้งแต่เกิดเหตุอุทกภัย เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมหากคิดเป็นเงินก็ราว ๆ 180 ล้านบาท อาทิ สนับสนุนเงินช่วยเหลือผ่านนายกรัฐมนตรี จำนวน 30 ล้านบาท มอบผลิตภัณฑ์และถุงยังชีพจำนวน 50,000 ชุด มูลค่า 20 ล้านบาท ผ่านองค์กรต่าง ๆ ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์
พร้อมทั้งตั้งเต๊นท์โรงครัวพระราชทาน จัดอาหารให้ผู้ประสบอุทกภัย จำนวน 14 จุดในจังหวัดที่ประสบอุทกกภัย เพื่อทำการปรุงอาหารสดทุกวันวันละ 3 มื้อ จำนวน 10,000 กล่องต่อจุดต่อวัน แจกจ่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทุก ๆ พื้นที่ จนถึงปัจจุบันปรุงอาหารแจกจ่ายแก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยไปแล้วกว่า 1,700,000 กล่อง คิดเป็นมูลค่า 60 ล้านบาท และจะดำเนินโครงการต่อไปอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย แจกข้าวตราฉัตรกว่า 4 ล้านบาท เป็นต้น