ผู้นำระดับสูงของจีนได้ออกมาเตือนถึงอันตรายจากวิกฤตหนี้ยุโรปที่ถดถอยมากขึ้น ลั่นให้ความร่วมมือในการปฏิรูปของกองทุนการเงินระหว่างประเทศในช่วงการเดนทางเยือนจีนเป็นเวลา 2 วันของคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ของจีน กล่าวกับผอ.ไอเอ็มเอฟระหว่างการประชุมเมื่อวานนี้ว่า วิกฤตหนี้ยุโรปทำให้เกิดปัจจัยเสี่ยงด้านการคลังและการเงินในประเทศที่พัฒนาแล้ว และยังทำให้เกิดสถานการณ์ท้าทายที่รุนแรงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ลาการ์ด ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาด้วยการสนับสนุนจากทางจีน ได้เดินทางเยือนจีนเป็นครั้งแรก หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งดังกล่าว
ในระหว่างการเดินทางเยือน ลาการ์ดได้หารือเรื่องเศรษฐกิจโลกและวิกฤตหนี้ยุโรปกับนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า รองประธานาธิบดีซี จินผิง รองนายกรัฐมนตรีหวาง จีชาน และนายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน
นายเหวินกล่าวว่า จีนสนับสนันมาตรการรับมือที่ทางสหภาพยุโรป ธนาคารกลางยุโรป และไอเอ็มเอฟได้นำออกมาใช้ เพื่อรับมือกับวิกฤตหนี้
วิกฤตหนี้ ซึ่งเกิดขึ้นที่กรีซในปี 2552 นั้น กำลังเป็นอุปสรรคขัดขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ล่าสุดก็มีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในอิตาลี ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของยูโรโซน รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับโปรตุเกส และไอร์แลนด์
นายเหวินกล่าวว่า เราหวังว่าจะได้ร่วมงานกับทุกฝ่ายเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินในระดับสากล และเสริมสร้างความเชื่อมั่น อีกทั้งผลักดันเศรษฐกิจโลก
การขยายตัวของการค้าระหว่างสหภาพยุโรปและจีน ซึ่งเป็นประเทศพันธมิตรการค้าที่ใหญ่ที่สุดของอียูนั้น กำลังชะลอตัวลง เนื่องจากวิกฤต
ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่ปักกิ่งเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ลาการ์ดกล่าวว่า เศรษฐกิจโลกได้เข้าสู่ช่วงเวลาที่อันตรายและไม่แน่นอน และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะการขยายตัวในระดับต่ำและอัตราว่างงานสูง
ลาการ์ดยังได้ผลักดันให้ประเทศพัฒนาแล้วใช้นโยบายเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นและยกระดับการขยายตัว พร้อมกับชื่นชมการใช้นโยบายและประสิทธิภาพของเศรษฐกิจจีน
ลาการ์ดกล่าวกับนายกฯจีนในระหว่างการประชุมเป็นเวลา 50 นาทีว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องและรวดเร็วของจีนนั้นถือเป็นความสำคัญที่ไม่สามารถแทนที่กันได้กับเสถียรภาพและสถานการณ์ของโลก
นายกฯจีนกล่าวว่า รัฐบาลจีนจะเดินหน้าภารกิจต่อไปเป็นอย่างดี และให้คำมั่นว่าจะสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและมั่นคง
จาง ฮั่นหลิน ศาสตราจารย์ที่ศึกษาองค์การการค้าโลก กล่าวว่า นโยบายในการกระตุ้นการนำเข้าของจีนในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินโลกนั้น ถือว่ามีส่วนช่วยเศรษฐกิจโลกได้เป็นอันมาก
สถิติด้านศุลกาการชี้ว่า การนำเข้าของจีนในเดือนต.ค.นั้น เพิ่มขึ้น 28.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะ 1.40 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนภาวะสมดุลด้านการค้าก็หดตัวลง 15% ในช่วงเดือนม.ค.-ต.ค.
จางกล่าวว่า การขยายตัวของการนำเข้าซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากการบริโภคภายในประเทศที่สดใสของจีน จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ผู้นำจีนยังได้ย้ำถึงความสำคัญในการปฏิรูปของไอเอ็มเอฟที่มีต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งถือเป็นประเด็นเด่นในการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ต่อที่ประชุมสุดยอด G-20 ที่เมืองคานส์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นายกฯจีนกล่าวว่า จีนจะช่วยไอเอ็มเอฟให้มีบทบาทที่เป็นบวกมากขึ้นในด้านการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน การดูแล และการประสานงานกันในเรื่องนโยบายเศรษบกิจมหภาค รวมทั้งการดูแลให้เกิดเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลก
รองประธานาธิบดีกล่าวว่า ในฐานะประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา จีนได้ทุ่มเทเพื่อทำให้ประเทศต่างๆได้มีเสียงมากขึ้นในการดูแลเศรษฐกิจโลก การปฏิรูปสกุลเงิน SDR และการแต่งตั้งจู หมิน ทำหน้าที่รองผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟก็ถือเป็นความก้าวหน้าในการเดินหน้านโยบายดังกล่าว
รองประธานาธิบดียังได้ชื่นชมความพยายามของลาการ์ดในการส่งเสริมให้มีการปฏิรูปไอเอ็มเอฟ พร้อมกับให้คำมั่นว่าจะร่วมมือกับประเทศสมาชิกทั้ง 187 ประเทศ เพื่อส่งเสริมการปฏิรูป ปรับปรุงการบริหารจัดการเศรษฐกิจโลก และสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ สำนักข่าวซินหัวรายงาน