บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยแนวโน้มค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้าว่า(14-18 พ.ย.54) เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 30.60-30.90 บาท/ดอลลาร์ โดยคงต้องจับตาการพิจารณามาตรการรัดเข็มขัดทางการคลังและกระบวนการปลดล็อคทางการเมืองในอิตาลี การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น
ตลอดจนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์ก, ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนพ.ย., ยอดค้าปลีก, ดัชนีราคาผู้บริโภค, ดัชนีราคาผู้ผลิต, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม, ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน, การอนุญาตก่อสร้าง, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนต.ค., ข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิสู่ตลาดการเงินสหรัฐฯ, สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ขณะที่ตลาดการเงินระยะสั้น และตลาดตราสารหนี้ในสัปดาห์หน้านั้น จะมีการตัดจ่ายเงินภาษีมูลค่าเพิ่มรายเดือนผ่านระบบธนาคารในช่วงต้นสัปดาห์ โดยกรมสรรพากรขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีอากรให้แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรหรือนำส่งภาษีในท้องที่ที่เกิดอุทกภัย ขณะที่ธนาคารพาณิชย์จะมีการปิดสำรองสภาพคล่องรายปักษ์ในวันอังคารและเข้าสู่ปักษ์ใหม่ในวันพุธ อย่างไรก็ดี อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นน่าจะยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 3.50% อย่างต่อเนื่อง