นายอนุสรณ์ พรชัย อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 8 สุราษฎร์ธานี (สศข.8) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานีนับว่าเป็นแหล่งผลิตยางพาราที่สำคัญ โดยปี 2554 มีเนื้อที่กรีดได้แล้วประมาณ 1,705,420 ไร่ คาดว่าผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ประมาณ 388,840 ตัน หรือร้อยละ 16 ของผลผลิตภาคใต้ทั้งหมด และคิดเป็นร้อยละ 12 ของผลผลิตทั้งหมดของประเทศ และจากการติดตามสถานการณ์ พบว่าสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย มีฝนตกต่อเนื่องกระจายจนถึงปัจจุบัน คาดว่าปริมาณผลผลิตลดลงจากปีที่แล้ว ประกอบกับราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้ประกอบการไม่มั่นใจกับสภาพเศรษฐกิจโลก
โดยราคายางแผ่นดิบชั้นที่ 3 ที่เกษตรกรขายได้ ณ ไร่นา สูงสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2554 เฉลี่ยที่กิโลกรัมละ 173.70 บาท สำหรับเดือนตุลาคม 2554 เฉลี่ยกิโลกรัมละ 108.70 บาท ลดลงร้อยละ 37.42 ส่วนราคาสัปดาห์ที่ 1 เดือนพฤศจิกายน 2554 กิโลกรัมละ 94.70 บาท ด้านเศษยางพาราคละ สูงสุด เดือนกุมภาพันธ์ 2554 เฉลี่ยกิโลกรัมละ 70.25 บาท เดือนตุลาคม 2554 เฉลี่ยกิโลกรัมละ 54.20 บาท ลดลงร้อยละ 22.85 ส่วนราคาในสัปดาห์ที่ 1 เดือนพฤศจิกายน 2554 กิโลกรัมละ 50.00 บาท
ส่วนที่อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พบว่ามีพื้นที่ปลูกยางพาราประมาณ 330,042 ไร่ ผลผลิตประมาณ 1 ใน 5 ของผลผลิตจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยในพื้นที่ หมู่ 4,6,7 และหมู่ 10 ของตำบลบางงอน พบว่า จำนวนวันที่เกษตรกรกรีดยางได้ลดลง แม้ว่าเกษตรกรเริ่มทำการเปิดกรีดได้เร็วขึ้น เนื่องจากใบอ่อนเจริญเติบโตได้ดีเป็นใบแก่ได้เร็วขึ้น และเกษตรกรบางรายยังกรีดยางโดยไม่พักต้นยางในช่วงผลัดใบหรือที่เกษตรกรท้องถิ่นเรียกว่า“กรีดผ่ายอด" หรือกรีดขณะที่เป็นใบอ่อน
อย่างไรก็ตาม จากการใช้น้ำยางผลิตเป็น “ขี้ถ้วย" หรือเศษยางคละทำให้ประหยัดเวลาในการเก็บน้ำยาง อีกทั้งสามารถหลีกเลี่ยงความเสียหายของน้ำยางที่กรีดแล้วมีฝนตกด้วยซึ่งเห็นว่า ควรมีการศึกษาวิจัยถึงการที่เกษตรกรหันมาผลิตขี้ถ้วยหรือเศษยางคละ ว่ามีปริมาณมากน้อยเพียงใด และให้ผลตอบแทนต่อปีมากกว่าการผลิตยางแผ่นดิบหรือไม่ รวมถึงความต้องการของตลาดมีความยั่งยืนมากน้อยเพียงไรต่อไป