สกุลเงินยูโรอ่อนตัวลงติดต่อกัน 2 วันทำการเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายสกุลเงินยูโรมากขึ้น อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลที่ว่าวิกฤตหนี้สาธารณะอาจจะลุกลามไปทั่วยุโรป ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ รวมถึงยอดค้าปลีกเดือนต.ค.
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.57% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3546 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3623 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลง 0.48% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5831 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5908 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.13% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 77.020 เยน จากระดับ 77.120 เยน แต่พุ่งขึ้น 0.86% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9146 ฟรังค์ จากระดับ 0.9068 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลง 0.05% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0188 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0193 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 0.96% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7713 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7788 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่าวิกฤตหนี้สาธารณะอาจจะลุกลามในยุโรป หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลีดีดขึ้นไปยืนเหนือระดับ 7% อีกครั้งเมื่อวานนี้ ซึ่งต้นทุนการกู้ยืมที่สูงจนถึงระดับที่เป็นอันตรายเช่นนี้ ทำให้เกิดความกังวลว่ารัฐบาลอิตาลีอาจจะเผชิญกับภาระอันหนักหน่วงในการชำระหนี้
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะของกรีซ (PDMA) เปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า รัฐบาลกรีซสามารถระดมทุนครั้งล่าสุดได้ 1.3 พันล้านยูโร (1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากการออกพันธบัตรชุดใหม่อายุ 13 สัปดาห์ โดยให้อัตราผลตอบแทน 4.63% เพิ่มขึ้นการประมูลครั้งก่อนที่ระดับ 4.61%
สกุลเงินยูโรได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อสถาบัน ZEW ของเยอรมนีเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเดือนพ.ย. ลดลงสู่ระดับ -55.2 จุด จากระดับ -48.3 จุดของเดือนต.ค. เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลวว่า วิกฤตหนี้สาธารณะจะทำให้เศรษฐกิจถอยร่นเข้าสู่ภาวะถดถอย
ส่วนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส โดยยอดค้าปลีกเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 0.5% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% เพราะได้แรงหนุนจากยอดขายในกลุ่มยานยนต์และวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ขณะที่ดัชนีการผลิตในรัฐนิวยอร์ก (Empire State Index) เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.6 จุดในเดือนพ.ย. จากระดับ -8.5 ของเดือนต.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของกิจกรรมด้านการผลิตจะช่วยหนุนเศรษฐกิจสหรัฐให้แข็งแกร่งขึ้นในไตรมาส 4 ปีนี้
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค., ,ข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิตเดือนต.ค., ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนต.ค.