นายวิทย์ ประทักษ์ใจ ผู้อำนวยการ สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) กล่าวว่า ประเทศผู้ผลิตยางรายใหญ่ 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ได้ทำบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (MOU) เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง โดยจะตรึงราคาไว้ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 4 เหรียญสหรัฐ ซึ่งจะมีการประชุมไตรภาคีระหว่าง 3 ประเทศเพื่อหาแนวทางตรึงราคายางในวันที่ 19 พ.ย.54 นี้ ทั้งนี้ หากไม่สามารถตรึงราคายางได้ อาจมีมาตรการจำกัดโควตาการส่งออกของแต่ละประเทศ
ด้านนายธานินทร์ ใจสมุทร ที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนรัฐบาล เห็นด้วยกับการแทรกแซง แต่ควรใช้คำว่า “ชะลอการส่งออก" แทน พร้อมแจ้งว่าขณะนี้รัฐบาลได้กำหนดราคายางขั้นต่ำภายในสองสัปดาห์นี้ ที่ราคา กก.ละ 95 บาท นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาราคายางในระยะสั้นและระยะยาวด้วย
นายวิทย์ กล่าวอีกว่า จากสถานการณ์ราคายางที่เกิดการผันผวนในช่วงนี้ ทำให้เกษตรกรชาวสวนยางได้รับผลกระทบ สกย.จึงเชิญผู้นำเกษตรกร 17 จังหวัดภาคใต้มาหารือและเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำ โดยที่ประชุมเห็นด้วยที่ราคายางพาราไม่ควรต่ำกว่า กก.ละ 120 บาท
นอกจากนี้ยังมีการแสดงความคิดเห็นหลากหลาย อาทิ ควรมีการรื้อฟื้นโครงการแทรกแซงราคายาง 8,000 ล้านบาทกลับมาใช้ใหม่, สร้างเครือข่ายชาวสวนยางให้เข้มแข็ง, ไทยต้องเป็นผู้กำหนดราคายางได้เองเช่นเดียวกันกลุ่ม OPEC, เกษตรกรต้องมีวินัยในการค้าขาย, มีการรวมกลุ่มกันขายยางในรูปของเครือข่าย หรือสหกรณ์, สนับสนุนให้สถาบันเกษตรกรเป็นผู้ส่งออกยาง, ปรับปรุง พ.ร.บ.กองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง และ การใช้เงิน Cess ตั้งคณะกรรมการยางแห่งชาติ เป็นต้น
ก่อนหน้านี้(11 ต.ค.) สกย.ได้เชิญผู้ส่งออก ผู้ประกอบการ สมาคมยางพาราไทย สมาคมน้ำยางข้นไทย และตัวแทนเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ร่วมประชุมที่ สกย.เพื่อพิจารณาเรื่องราคายาง ที่ประชุมกำหนดราคายางไม่ควรต่ำกว่า กก.ละ 120 บาท และเสนอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริมและรักษาเสถียรภาพราคายาง มี รมช.เกษตรฯ เป็นประธาน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการนำเสนอ รมว.เกษตรฯ ลงนามแต่งตั้ง