ความต้องการหุ้น พันธบัตร และสินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆของสหรัฐ ปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลกในเดือนกันยายน เนื่องจากนักลงทุนต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย ขณะที่เกิดวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป
กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า มูลค่าการซื้อสุทธิหลักทรัพย์ ตั๋วเงินคลัง และพันธบัตรสหรัฐ อยู่ที่ระดับ 6.86 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายน เทียบกับ 5.8 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนสิงหาคม หากนับรวมหลักทรัพย์ระยะสั้นอย่างการสวอปหุ้น มูลค่าการซื้อจากต่างชาติจะอยู่ที่ 5.74 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับ 8.93 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก่อน
ยอดซื้อพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้นในเดือนกันยายน เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าวิกฤตหนี้ยุโรปและเศรษฐกิจสหรัฐที่ซบเซาจะฉุดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ยอดซื้อที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวสวนทางกับการที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม จนทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรร่วงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายเบน เบอร์นันเก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า พันธบัตรสหรัฐยังเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุน และการลดอันดับความน่าเชื่อถือไม่ได้ส่งผลกระทบที่สำคัญต่อเศรษฐกิจ